ถึงเดือนห้า ท้องนาแห้ง ร้อนแล้งเหลือ ต้น"มะเกลือ" เครือ"มะแว้ง" แฝงอาศัย
"กะปอม"เผือก เกาะเปลือกแตก ชำแรกไกร ศีรษะใหญ่ ส่ายผงก เหมือน "ตกลง"
ณ ขอบฟ้า เมฆาคล้ำ ดำทะมึน คำรามครึน กลืนกินแสง แกล้งสุริยง
ฟ้าแลบพร่า ผ่าพิภพ พะลบหลง พายุส่ง ลงกระโชก โลกกระเทือน
ฟ้าแลบพร่า ผ่าพิภพ พะลบหลง พายุส่ง ลงกระโชก โลกกระเทือน
เศษฝุ่นทราย ใบไม้แห้ง ลมแรงซัด "ยางนา"สะบัด กิ่งขาดโค่น ดั่งโดนเฉือน
ลมพายุ ฤดูร้อน ย้อนมาเยือน หยาดฝนเคลื่อน ตกเกลื่อนกลบ ลบกันดาร
สายฝนซ่าน ม่านขาวชื้น ระรื่นจิต ปลุกชีวิต จากนิทรา มาสุขศานติ์
"เขียด-คางคก กบ"กระโดด ลิงโลดดาล ร้องประสาน กังวานเสียง สำเนียงไพร
คำรบค่ำ ยามราตรี "ชีปะขาว" หมู่"แมงเม่า" ราวเพิ่งตื่น ฟื้นสดใส
เที่ยวบินเล่น ไปเป็นกลุ่ม กลุ้มรุมไฟ สังเวยวัย เพราะไฟพราก จากชีวี
ใช่ "แมงเม่า" เท่านั้นโง่ โมหะไม่ คนมากมาย ไร้ชีวิต ผิดวิถี
เพราะหลงรูป เสียง-กลิ่น-รส โปรดราคี ลืมสติ พลีชีวา น่าเสียดาย
ทั้งสินทรัพย์ กับเวลา สละแลก ปานสวมแอก แบกประโคน สนตะพาย
ดั่งเป็นทาส สัญชาตญาณ คิดหวั่นหาย ถูกจูงขาย ไร้แรงขืน ใจชื่นชม
กี่คนที่ มีปัญญา ตาสว่าง เห็นกระจ่าง ทางเสื่อมทราม/ งามเฉิดสม
เดินทางถูก สุขสวัสดิ์ พิพัฒน์พรม บัณฑิตธม จิตบันเทิง เริงกุสลา ฯ
๒๐ เมษายน ๒๕๕๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น