สัตว์ทั้งหลาย ในผืนป่า อาศัยกลิ่น การได้ยิน สุ้มเสียงถือ สื่อเหตุหมาย
ธรรมชาติ สร้างชีวี มีพิษ(ภัย)พราย ร่องรอยหลาย ได้เรียนรู้ การอยู่กิน
เศษกิ่งไม้ ใบหักหล่น ผลถูกปลิด รอยข่วน-ขวิด ติดแน่นนาน ยาวกาลสิ้น
รอยเท้าหลาก เหยียบฝากไว้ ในผืนดิน ประกาศถิ่น กลิ่นฉี่-มูล คุ้นของใครฯลฯ
ตามแอ่งน้ำ ลำคลองผ่าน ธาร-น้ำซับ ฝูงสัตว์สรรพ ผลัดปรับเปลี่ยน เวียนกินใช้
ป่าสมบูรณ์ ย่อมจุนเจือ ทุกเมื่อไป ไม่ขาดหาย แหล่งสายน้ำ ค้ำชีวา
ดำเนินเท้า ก้าวเข้าไกล ไนป่าลึก ความรู้สึก ตรึกหลากหลาย ในผัสสา
ป่าธรรมชาติ ผลัดแปรเปลี่ยน อย่างเนียนตา ภูมิประเทศ ต่างพา แปลกแยกกัน
ณ ป่าลุ่ม ชุ่มน้ำ ความชอุ่ม มอส-เฟิร์นคลุม แมกต้นหมาก หลากสีสัน
ป่าดิบแล้ง แหล่งชายเลน เบญจพรรณ ทุ่งหญ้าครัน เกิดลานกว้าง อลังการ์
ป่าดิบแล้ง แหล่งชายเลน เบญจพรรณ ทุ่งหญ้าครัน เกิดลานกว้าง อลังการ์
ป่าต่างไป สัตว์มากมาย ย่อมกลายต่าง นกสล้าง หนอน-แมลง แมง-มัจฉาฯลฯ
สิ่งวิเศษ งานวิจิตร พิจารณา เห็นคุณค่า ธรรมชาติ อัศจรรย์
ชีวิตดั่ง ย่างเดินป่า ทรหด จวบจนหมด วัฒนา อายุขันธ์
วิบากกรรม นำกล้ำเกิน เผชิญกัน ต้องฝ่าฟัน บากบั่นบุก ทุกชีวี
จนสิ้นสู่ ภูมิทัศน์ ผลัดกาละ หมดปราณะ ใช่จะจบ สบสันติ์ศรี
เพียงเปลี่ยนยาน ผันเปลี่ยนร่าง ย่างไพรพี เริ่มใหม่มี วัฏฏ์ที่เห็น เป็นอาจิณ
คนๆหนึ่ง คำนึงว่า "กินอะไร ?" อีกร้อยไขว่ หมายเสาะหา "จะได้กิน ?"
บางคนแค่ ไม่ชื่นชู คิดดูหมิ่น อีกล้านดิ้น หา(ที่)ซุกหัว จนตัวตาย ฯ
๘ เมษายน ๒๕๕๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น