กลอน : ยามหนาว สาวสยาม แต่งตัวงาม หลามลานตา
ลมหนาว เจ้ามาเยือน มาเป็นเพื่อน ไม่เคลื่อนไคล
โอบบ่า กอดข้าให้ ว่าอย่าได้ เหงาไปเลย
โอบบ่า กอดข้าให้ ว่าอย่าได้ เหงาไปเลย
ลมหนาว เรามองเห็น ใช่ลมเข็ญ ลำเค็ญเขนย
ลมแห้ง ไม่แกล้งเกย บุปผาเงย เผยดอกงาม
ฟ้าหนาว สกาวใส สวยดั่งวัย ดรุณนาม
ยามหนาว สาวสยาม แต่งตัวงาม หลามลานตา
ยามหนาว สาวสยาม แต่งตัวงาม หลามลานตา
ยามหนาว ยามว่าวเล่น นภาเป็น เช่นกีฬา
แข่งขัน กันบนฟ้า ประชันปัญญา ฝีมือ
แข่งขัน กันบนฟ้า ประชันปัญญา ฝีมือ
หมอกหนาว ยามเช้ารุ่ง งามจรุง จูงใจซื่อ
เดินเล่น เช่นเราคือ เทวดาหรือ เทพธิดา
ผลไม้ ในยามหนาว รสเลิศราว จากดาวฟ้า
ลิ้มลอง ชองชีวา อย่าระอา นะน้องนาง
ลิ้มลอง ชองชีวา อย่าระอา นะน้องนาง
ลมหนาว พาเศร้าคิด คติชีวิต อนิจจ์สาง
ไม่จริง ทุกสิ่งอย่าง แค่อำพราง ช่างมายา
ลมหนาว ไม่หนาวนัก หากจักเปรียบ เทียบทุกขา
เหน็บหนาว ร้าวอุรา หนาวเกินกว่า จะเอ่ยคำ
เหน็บหนาว ร้าวอุรา หนาวเกินกว่า จะเอ่ยคำ
มองไกล ไปข้างหน้า ไร้มรรคา ตามืดดำ
สิ่งใด หมายมุ่งทำ ไม่เป็นตาม ความตั้งใจ
สิ่งใด หมายมุ่งทำ ไม่เป็นตาม ความตั้งใจ
หนทาง หวังพ้นทุกข์ ทางใดถูก ? ถูกแค่ไหน ?
สังสาร หมุนปั่นไป ต้องเวียนว่าย ในอีกนาน
คนที่ มิเห็นทุกข์ เคยแต่สุข สนุกสนาน
ย่อมมิ เห็นเป็นการ ในหลักธรรม์ จริยา
จงดีใจ ใครที่ทุกข์ จนได้ฉุก ปลุกปัญญา
อริยะ สัจจ์ศึกษา วิปัสสนา จรูญใจ
อริยะ สัจจ์ศึกษา วิปัสสนา จรูญใจ
จงภูมิ ใจประเสริฐ ไม่เสียที ที่เกิดไซร้
พุทธธรรม งามอำไพ เหนือสิ่งใด ในจักรวาล ฯ
๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น