ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ข้อความถึงหญิงคนรัก ๕ ตอน ประสบการณ์ด้านจิตวิญญาน ตอนที่ ๒


                

ข้อความถึงหญิงคนรัก ตอน ประสบการณ์ด้านจิตวิญญาณ ตอนที่ ๒

ที่รักจ้ะ.....

      วันนี้ พี่จะขอเล่าเรื่องประสบการณ์ด้านจิตวิญญาณในชีวิตของพี่ เป็นเรื่องที่ ๒ นะจ้ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องวิญญาณของคนตายจ้ะ ไม่ใช่ "ผี"นะจ้ะ
      ประสบการณ์ครั้งนี้ สะเทือนใจพี่มากที่สุด (แม้แต่ตอนที่กำลังพิมพ์อยู่นี้) เพราะพี่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ด้วย พี่ไม่รู้ว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พี่จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปได้หรือไม่?
      ที่รักจ้ะ......
      อย่างที่พี่เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนเรียนอยู่ ม.ปลาย พี่เลือกเรียนสาย คณิต-วิทย์ พี่อยู่ห้องที่เรียนเก่งที่สุด เพื่อนๆในห้องมีกัน ๔๕ คน เป็นชาย ๒๐ คน หญิง ๒๕ คน อย่าคิดว่า ผู้ชายอย่างพี่จะจ๋อย....พี่คนนี้ มีสาวๆในห้องกว่า ๑๐ คนแอบสนใจอยู่เงียบๆ (ออกแนวหลงตัวเอง)
      น้องต้องเข้าใจว่า พวกเราเป็นเด็กเรียน เราสนใจผลการเรียนของตัวเองมาเป็นอันดับแรก เด็กเรียนห้องนี้ นิสัยดีกันทุกคน สุภาพ เรียบร้อย (ยกเว้นพี่คนเดียว ทโมนซะไม่มี)เรื่องความรักระหว่างหนุ่มสาว เราไม่ทำ อย่างมาก ก็มีสาวๆ แอบสนใจ แต่พี่ไม่สนหรอก ตอนนั้นกำลังบ้ากีฬาเทนนิส อยากเป็นมือ ๑ ของจังหวัด และก็สนใจงานศิลปะหลายๆแขนง (ยกเว้นดนตรี ไม่เอา) บวกกับการเรียน แค่นี้ก็ไม่มีเวลาให้สาวๆแล้ว (ที่ต้องเล่า เพราะเป็นที่มาของเรื่องนี้)
      ที่รักจ้ะ....
      พอเราจบ ม.ปลาย พวกเราต่างแยกย้ายกันไปเรียนตามสถานศึกษาที่สอบเข้าเรียนได้ แต่เราก็ยังมีการติดต่อกันเสมอ พอปิดเทอม เราก็กลับมาบ้าน จับกลุ่มกัน กินข้าว-ดูหนัง-ฟังเพลง-เล่นกีฬา-ไปท่องเที่ยวฯลฯ แล้วพอถึงวันสิ้นปี เราก็จัดงานฉลองปีใหม่ด้วยกัน
      ปีแรก งานก็ราบรื่นดีจ้ะ เหมือนกับงานปีใหม่ทั่วๆไป เราช่วยกันปรุงอาหาร มีเครื่องดื่ม มีดนตรี มีการดิ้นกันประสาวัยรุ่น เพื่อนผู้ชายหลายคนเริ่มสูบบุหรี่-กินเหล้า แต่พี่ไม่เอาจ้ะ เพราะการเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ ต้องดูแลสุขภาพอย่างแข็งขัน ตอนนั้นฝีมือเทนนิสของพี่เลื่อนมาอยู้อันดับ ๓-๔ ของจังหวัดแล้ว
      ที่รักจ้ะ......
      ปีที่ ๒ เราจัดกันเป็นปีสุดท้าย เพราะเกิดเหตุสลดใจขึ้น
      ในวันงาน ก็ไม่มีอะไรผิดพลาดหรอกจ้ะ นอกจาก เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไปเรียนต่างประเทศ (เธอเป็นเด็กเรียบร้อย ยิ้มแย้มแจ่มใส ร่าเริง มีน้ำใจ หน้าตาน่ารัก เวลายิ้มจะเห็นเขี้ยวขาว ๒ ข้าง เธอใส่แว่นตากลมๆเล็กๆ) ปีใหม่คราวที่แล้ว พี่สอนเธอให้ดิ้น (พี่รู้ว่า เธอเป็นเพื่อนสาวคนหนึ่งที่แอบชอบพี่อยู่)
      แต่มาปีนี้ เธอเอาเหล้าตราขวานมาด้วย พกบุหรี่ยี่ห้อต่างประเทศ สูบปุ๋ยๆและชวนพี่สูบด้วย เพื่อนๆทุกคนล้วนแปลกใจที่เธอเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่ใส่ใจนัก (นอกจาก พี่ของน้องคนนี้แหละที่ชอบหาเรื่องใส่ตัวอยู่เสมอมา)
      พี่หาจังหวะพูดกับเธอ บอกเธอว่า เป็นผู้หญิง ไม่ควรมีพฤติกรรมอย่างนั้น ผู้ชายดีๆเค้าไม่ชอบ แม้แต่พี่เองเป็นผู้ชาย บุหรี่-เหล้า พี่ไม่เคยแตะต้องเพราะนอกจากจะทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว ยังทำลายสุขภาพกาย-สติปัญญาด้วย พี่ยังจำได้ว่า....เธอได้แต่มองหน้าพี่ จ้องตาพี่ แล้วยิ้มเห็นเขี้ยวน่ารักคู่นั้น หน้าตาเธอยังบริสุทธิ์สดใสเช่นเดิม แต่พี่สังเกตว่า เป็นรอยยิ้มที่เหงาปนเศร้ายังไงบอกไม่ถูก
      สักพัก เธอก็มาชวนพี่ไปดิ้นกับเธอ แต่พี่ปฏิเสธเธอ (ดูเหมือนเธอจะเสียใจ) แล้วเธอก็พูดว่า ปีที่แล้ว เธอดิ้นไม่เป็น พี่ยังสอนเธอดิ้นอยู่เลย แล้วมาปีนี้ทำไมปฏิเสธที่จะดิ้นกับเธอ ...พี่บอกเธอว่า พี่เลิกดิ้นแล้ว (พี่เริ่มศึกษาธรรมะ แต่ไม่กล้าบอกเพื่อน กลัวโดนแซว) เธอก็บอกว่า ไม่เป็นไร แล้วก็ไปดิ้นกับคนอื่นสักพัก ก็กลับมานั่งคุยกับพี่ซึ่งกำลังเลือกเปิดเพลง(พี่รู้ตัวว่า เธอแอบชอบพี่มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกัน แต่พี่ไม่สนใจใครเลย นอกจากอยากเป็นนักเทนนิสมือ ๑ ของจังหวัด) งานปีใหม่คืนนั้น จบลงเวลา ๕ ทุ่มเพราะข้างบ้านมาขอให้เลิก .....หนวกหู นอนไม่หลับ (เลิกได้แล้ว...ไอ้พวกก่อการร้าย....)
      ที่รักจ้ะ......
      ถัดมา...คืนวันที่ ๑ มกราคม ก็เกิดเหตุขึ้น.....
      คืนนั้น หลังจากฝึกซ้อมเทนนิส พี่ก็กลับบ้าน เข้านอนตอน ๓ ทุ่ม น้องคงเข้าใจ นักกีฬา ใช้พละกำลังมาก ทั้งฟิตเนส ทั้งเล่นกีฬา การนอนแต่หัวค่ำทำให้ได้พักผ่อนเพียงพอแก่การฟื้นตัวของร่างกายที่ตากตรำงานหนัก..
      หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ....แต่มารู้ตัวอีกที่ ก็ตอนที่ พบว่าตัวเองกำลังเดินไปตามป่าละเมาะ มีผู้ชายที่สูงกว่าพี่ ๒ ฟุต จำนวน ๒ คนเดินนำหน้าพี่ไป น้องรู้อยู่ว่า พี่สูง ๖ ฟุต ดังนั้น ผู้ชาย ๒ คนนั้นต้องสูง ๘ ฟุตได้ หน้าตาก็เป็นชาวเอเชีย อายุราวๆ ๓๕ -๔๐ ปี ใส่ชุดทำงานเสื้อแขนยาวติดกระดุม สอดเสื้อเข้าในกางเกงแสล็ค คาดเข็มขัดเรียบร้อย ใส่รองเท้าหนัง แต่ไม่ผูกเน็คไท
      พี่เดินตามเขาไปเพราะถูกจูงใจได้สักชั่วอึดใจ ก็รู้สึกว่า ด้านขวามือของพี่ ห่างไปประมาณ 10 เมตรมีใครกำลังจับตาดูพี่อยู่ พี่จึงหันไปมองทางขวามือ เห็นเพื่อนผู้หญิงคนที่พี่เล่าให้ฟังนั้น ปรากฏตัวอยู่....เธอยืนตัวตรงเป็นเงาดำมืด ฉากหลังเป็นแสงสว่างสีขาวนวล และมีหมอกควันสีขาวขนาดกว้าง-ใหญ่ พวยพลุ่งอยู่ใต้พื้นที่เธอยืนอยู่ตลอดเวลา
      พี่มองไม่เห็นหน้าตาของเธอ แต่พี่จำรูปร่าง-สัดส่วนของเธอได้ ดูเหมือนเธอกำลังรอ...รอให้พี่เข้าไปหา ไปทักทายเธอ พี่กำลังจะตัดสินใจว่า จะเดินไปหาเธอ หรือจะตะโกนไปเลย? ก็เกิดนึกสนใจผู้ชาย ๒ คนนั้นขึ้นมาทันที เขาพาพี่เดินผละจากไป ตามป่าละเมาะทางซ้ายมือ ....แล้วพี่ก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก
      ที่รักจ้ะ....
      ตอนนั้นมีเสียงรถบรรทุกขนาดใหญ่แล่นผ่านหน้าบ้านพี่ พี่สงสัยว่า ดึกแค่ไหนแล้ว ทำไมยังมีรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งอยู่อีก จึงหยิบนาฬิกามาดู เห็นเวลา ๕ ทุ่ม ๑๐ นาที แล้วพี่ก็นอนต่อ.....(สมัยนั้นกลางคืนมีรถวิ่งน้อย โดยเฉพาะรถใหญ่ๆ)
       เช้าของวันที่ ๒ มกราคม เวลาประมาณ 8 นาฬิกา ขณะที่พี่ยืนอยู่หน้าบ้าน รอคุณแม่ทำอาหารเช้า ก็เห็นเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง ปั่นรถจักรยานมาทางขวามือ แล้วหยุดรถตรงหน้าพี่ คุยกันได้ ๒ คำ มันก็ชวนพี่ไปที่วัดด้วยกัน  (น้องต้องเข้าใจนะว่า วัยรุ่นอย่างเรา ไม่เข้าวัดเข้าวาอยู่แล้ว) มันบอกว่า
      เพื่อนหญิงที่พี่ฝันถึงเมื่อคืน ผูกคอตายตอน ๕ ทุ่ม หลังจากที่ทะเลาะกับพ่อแม่ในบ้าน ก็กลับเข้าไปขังตัวเองในห้อง แล้ว.......
     พี่ปั่นเสือหมอบคันเก่งไปวัดกับเพื่อนทันที เมื่อไปถึงวัด มีเพื่อนๆหลายคนรอกันอยู่แล้ว เพื่อเตรียมเคารพศพเพื่อน ก่อนที่สัปเหร่อจะปิดฝาโลง
      เพื่อนหญิงของพี่ นอนแน่นิ่งอยู่ในโลงสี่เหลี่ยมสีขาวลายเทพพนม ผิวของเธอขาวซีด.... ใบหน้าถูกผัดแป้ง ผมถูกหวีสยายเสมอไหล่ เกลี่ยไปบนหมอนสีขาวลายดอกไม้เล็กๆสีชมพู เธออยู่ในชุดขาว เสื้อแขนตุ๊กตา สวมกระโปรง ทั้งเสื้อและกระโปรงมีขอบชายลายลูกไม้ ดูเธอน่ารัก และบริสุทธิ์เข่นที่เคยเห็นเป็นประจำ แต่สิ่งที่ขาดหายไป .....คือ ความสดใส ร่าเริง และรอยยิ้มที่เห็นเขี้ยวขาว.....น่ารักคู่นั้น
      ที่รักจ้ะ....
      คิดมาถึุงตรงนี้แล้ว พี่รู้สึกสะท้อนใจมาก เพราะพี่เป็นเพียงคนๆเดียวในโลกใบนี้ ที่เธอยินดีมาหา เพื่อที่จะล่ำลาก่อนการเดินทางที่ยาวไกล.....ไกลแสนไกล.........นานแสนนาน.........และจะไม่ได้พบกันอีก
      น้ำตาพี่คลอเบ้า....ถ้าหากในงานปีใหม่ พี่เพียงแต่สังเกตอีกสักนิด...รู้จักคิดอีกสักหน่อย....มีประสบการณ์ชีวิตที่มากกว่านั้น.....ไม่ใช่แค่วัยรุ่น.....
      ถ้าเพียงแต่วันนั้น...พี่ยอมไปดิ้นกับเธอ...เอาใจใส่เธอ.....ดูแลเธอ....ปลอบโยนเธอ....ถามไถ่ถึงปัญหาข้อคับข้องใจของเธอ....ประสบการณ์ชีวิตที่ทำให้เธอเปลี่ยนไป
      (พี่พิมพ์มาถึงตรงนี้....น้ำตาของพี่ไหลลงอาบแก้ม พี่มองไม่เห็นตัวหนังสือ....)
      .................................................
      ถ้าเพียงแต่...พี่ไม่โง่....ไม่เบาปัญญาอย่างนั้น....
      พี่น่าจะอยู่เคียงข้างเธอ....เด็กสาวผู้บริสุทธิ์.....อยู่เพื่อเป็นกำลังใจให้เธอ....มีความสามารถที่จะช่วยประคับประคองหัวใจที่เปราะบางของเธอได้...เป็นที่พึ่งเพื่อให้เธอผ่านพ้นมรสุมแห่งชีวิตไปได้.......
      .............................
      แต่พี่ไม่ได้ทำ.......พี่ไร้ความสามารถ......
      ทั้งๆที่...........
      พี่เป็นเพียงคนๆเดียวในโลก...........ที่เธอคิดถึง...........
      เพื่อแสดงความอำลา ก่อนจากโลกนี้ไป
      ....................................................
      ...................................................                                                                

                                                                         รักจ้ะ....

                                                              คนเดิม.........แต่เศร้ากว่าเดิม

                                                                   ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓

3 ความคิดเห็น:

  1. เขียนได้ดีมาก เศร้าจังครับ... (TT^TT)

    ตอบลบ
  2. แต่งได้ดีมากเลยครับ สุนทรภู่กลับชาติมาเกิดรึเปล่าเนี่ย

    เรารักคนไทย

    ตอบลบ