กลอน : โคมลอย คอยดูโคม
คืนเพ็ญ สิบเอ็ดค่ำ ท้องฟ้าคล้ำ งามสดใส
เดือนเด่น เป็นอำไพ ประทับใจ กระไรปาน
คืนวัน ออกพรรษา ต่างซื้อหา โคมลอยหาญ
ลอยโคม รมย์ร่วมกานต์ ครอบครัวศานติ์ บันเทิงใจ
คืนลอย ปล่อยโคมขาว สู่ฟ้าสกาว ดาวระไร
เดือนเพ็ญ เห็นอำไพ ลอยโคมใคร่ ให้ถึงเดือน
ร่วมสุข สนุกสนาน ร่วมสมาน อันใดเหมือน
ร่วมทุกข์ ร่วมคลุกเยือน ร่วมเสมือน เพื่อนคู่ใจ
ยามรู้ เธอสุขสม ฉันภิรมย์ สมสุขใส
ยามรู้ เธอทุกข์ใด มิห่างไกล ใคร่เกื้อกุล
ยามรู้ เธอทุกข์ใด มิห่างไกล ใคร่เกื้อกุล
สุข-ทุกข์ ร่วมทุกข์-สุข สร้างพันธ์ผูก ปลูกการุณ
ประทับ จับใจจุรณ(อ่านว่าจุน) รักเพิ่มพูน บุญเพิ่มพัน
โคมลอย คอยดูโคม ลอยตามลม ชโลมสุขสันติ์
โคมแจ้ง แต้มแต่งจันทร์ โคมลอยครัน สัญญาใจ
จะรัก สมัครสมาน ทุกคืนวาร ไม่หันให้
รักแท้ แน่กระไร รักตลอดไป ไม่เปลี่ยนแปลง
รักแท้ แน่กระไร รักตลอดไป ไม่เปลี่ยนแปลง
คืนพรุ่ง มุ่งเดือนแรม รักเราแช่ม ไม่แรมแรง
คืนล่ำ อำลาแครง รักเราแกร่ง ไม่แคลงไคล ฯ
๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๓
แต่ครั้งก่อนนั้น ในวันออกพรรษา
ชาวอีสาน จะเล่นประทัด ดอกไม้ไฟ และลอยโคม
ไม่นับวันลอยกระทง ซึ่งจะมีการลอยโคมอย่างคึกคัก
แต่หลายปีให้หลัง รัฐบาลห้ามการลอยโคม อ้างว่าเสี่ยงทำให้เกิดอัคคีภัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น