ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

กลอน : ยามหนาว สาวสยาม แต่งตัวงาม หลามลานตา

                                 

กลอน : ยามหนาว สาวสยาม  แต่งตัวงาม หลามลานตา

      ลมหนาว เจ้ามาเยือน        มาเป็นเพื่อน ไม่เคลื่อนไคล
โอบบ่า กอดข้าให้                  ว่าอย่าได้ เหงาไปเลย

      ลมหนาว เรามองเห็น        ใช่ลมเข็ญ ลำเค็ญเขนย
ลมแห้ง ไม่แกล้งเกย               บุปผาเงย เผยดอกงาม

      ฟ้าหนาว สกาวใส            สวยดั่งวัย ดรุณนาม
ยามหนาว สาวสยาม               แต่งตัวงาม หลามลานตา

      ยามหนาว ยามว่าวเล่น      นภาเป็น เช่นกีฬา
แข่งขัน กันบนฟ้า                   ประชันปัญญา ฝีมือ

      หมอกหนาว ยามเช้ารุ่ง      งามจรุง จูงใจซื่อ
เดินเล่น เช่นเราคือ                 เทวดาหรือ เทพธิดา

      ผลไม้ ในยามหนาว          รสเลิศราว จากดาวฟ้า
ลิ้มลอง ชองชีวา                    อย่าระอา นะน้องนาง

      ลมหนาว พาเศร้าคิด        คติชีวิต อนิจจ์สาง
ไม่จริง ทุกสิ่งอย่าง                แค่อำพราง ช่างมายา

      ลมหนาว ไม่หนาวนัก       หากจักเปรียบ เทียบทุกขา
เหน็บหนาว ร้าวอุรา               หนาวเกินกว่า จะเอ่ยคำ

      มองไกล ไปข้างหน้า       ไร้มรรคา ตามืดดำ
สิ่งใด หมายมุ่งทำ                 ไม่เป็นตาม ความตั้งใจ

      หนทาง หวังพ้นทุกข์       ทางใดถูก ? ถูกแค่ไหน ?
สังสาร หมุนปั่นไป                ต้องเวียนว่าย ในอีกนาน

      คนที่ มิเห็นทุกข์            เคยแต่สุข สนุกสนาน
ย่อมมิ เห็นเป็นการ               ในหลักธรรม์ จริยา

      จงดีใจ ใครที่ทุกข์           จนได้ฉุก ปลุกปัญญา
อริยะ สัจจ์ศึกษา                   วิปัสสนา จรูญใจ

      จงภูมิ ใจประเสริฐ           ไม่เสียที ที่เกิดไซร้
พุทธธรรม งามอำไพ              เหนือสิ่งใด ในจักรวาล ฯ

๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น