ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กลอนเปล่า : อานุภาพ แห่งความ อ่อนนุ่ม

                                               

กลอนเปล่า : อานุภาพ แห่งความ อ่อนนุ่ม

รุ่งอรุณเริ่มเบิกฟ้า...วันใหม่
เมฆสีเทาพราวพร่าง คลั่งคลุมทั่วท้องนภา
บดบังสุริยาจนล่วงไร้ หาไม่เห็น

หมอกขาวพราวพรมชโลมเด่น
เป็นม่านมัวปกคลุมไปทั่วธานี
นุ่มละมุนมีชวนปีติ ดำริฝัน

เด็กน้อยในอ้อมแขนของแม่
ส่งเสียงเรียกร้องรบเร้าจะเอาของเล่น...
ดิ้นรนโหนเห็นเป็นอลม่าน
พลิกเหวี่ยงเกี่ยงกายไปมา...
จนแม่ผู้อุ้มอยู่อย่างลำบากต้องเพิ่มแรงโอบกอดให้แน่นยิ่งขึ้น
และเมื่อรู้ว่าทนฝืนสู้แรงเด็กต่อไปไม่ไหว
จึงยอมพ่ายแพ้
แม่ก็ส่งถ่ายเจ้าตัวซนไปให้คนเป็นพ่อได้รับช่วงต่อ
แล้วเจ้าตัวดิ้นในอ้อมแขนของพ่อ
ก็ต้องพบกับความแข็งแรงกำยำอย่างบุรุษ
จนต้องหยุดดิ้นรนอย่างไม่อาจขัดขืน

กาดำตัวหนึ่งบินข้ามขอบฟ้า
ฝ่าหมอกขาว..ตัดกันราวความดีและความชั่ว
ก่อนจะมาแฝงตัวเกาะอยู่บนยอดไม้
ส่งเสียงร้องก้องเรียกเพื่อน....อยู่เพียงลำพัง
ผ่านไปได้สักครู่...
เจ้ากาดำผู้โดดเดี่ยว ก็ทนความเปล่าเปลี่ยวไม่ไหว
โผบินลับหายไปในอากาศ

หมอกขาวที่พราวพร่างช่างหนาวชื่น
มิใช่หนาวแห้งอย่างหลายวันคืนที่ผ่านมา
ลูกชายขับรถฝ่าสายหมอก
พาแม่ผู้ชราออกมาจ่ายตลาด
แต่ที่จอดรถอันแคบคับ
ทำให้แม่จำเป็นต้องปรับตัวลงมาจากรถ
กำหนดบทบาทตัวเองเป็นคนบอกระยะให้ลูกชาย
กว่าจะขับเข้าจอดได้...ต้องใช้เวลาและความพยายามมากพอสมควร

สายแล้ว.....
แสงแดดแรกแห่งวัน...
สามารถล่วงทะลุผ่านช่องว่างลงมาเป็นทางยาวสว่างสดใส
รังสิมามีค่าได้กระทบพื้นพสุธาเป็นคราแรกแห่งวัน
แต่ก็แทรกซอนผ่านอยู่ได้เพียงชั่วขณะ....
ก่อนจะคืนสภาพเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แก่เหล่าเมฆาที่อ่อนนุ่มอีกครั้ง

ใครเล่า....
ยังเข้าใจว่า....
ความอ่อนนุ่มจะพ่ายแพ้แก่ความแข็งแกร่งเสมอไป

พละกำลังใช่จะปรากฏในรูปของความแข็งแกร่งแรงร้อนเสมอไปไม่
หลายสิ่งหลายอย่างที่อ่อนนุ่ม...
ต่างสามารถทำลายสิ่งที่แข็งแกร่งได้โดยไม่ยาก
หากเพียงแต่ต้องใช้เวลาและความอดทน

ดั่งเช่นสายธารา ที่กัดเซาะภูผาหินจนกลายเป็นล่องน้ำลำธาร
เกลากลึงกรวดหินทุกก้อนจนกลมเกลี้ยง....

เฉกเช่นหยาดฝนที่หยดลงบนแผ่นศิลาอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ
ย่อมสร้างร่องรอยสึกกร่อนถาวรขึ้นตลอดไป...

ความเมตตาปราณี และความโอบอ้อมอารีก็เช่นกัน
หากรู้จักนำมาใช้ให้ถูกที่ถูกเวลา ถูกกาลเทศะบุคคลและสถานการณ์
ย่อมสามารถปราบปรามจิตใจอันก้าวร้าว มุทะลุดุดัน
ย่อมสามารถผันแปรคนแข็งกระด้างหยาบคาย
ให้กลายเป็นคนสุภาพเรียบร้อยได้......
ย่อมสามารถทำให้คนที่ไม่เคยสนใจใยดี
กลับมามีเยื่อใยต่อกันได้.....

ย่อมสามารถเชื่อมรอยร้าวของความสัมพันธ์อันปริแตกแยกห่าง
ให้กลับมาดุจดั่งอดีต สนิทชิดเชื้อต่อกันและกันอีกครั้ง.....
ย่อมสามารถผูกมัดหัวใจของผู้คนมากมาย
ให้ผูกพันกันอย่างมั่นคงยากลืมเลือน....
ย่อมสามารถสร้างความทรงจำให้จารึกอยู่อย่างถาวรอยู่ในหัวใจ
แม้จะจากจรจากกันไปไกลแสนไกล นานแสนนาน..
แล้วก็ตาม...

นี่คือ ส่วนหนึ่งของ อานุภาพแห่งความอ่อนนุ่ม

๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น