กิเลสจูงเจตทุกข์ : กลอนเจ็ด
๏ อาทิตย์ อัศดง
องค์ปัจฉิม................สุดริม ขอบฟ้า ชลาศัย
พรายพรรณ พวยพลุ่ง
รุ่งอำไพ..............ค่อยเลือน เคลื่อนไหล ให้ราตรี
๏ นกเขา เจ่าจับ
ไม่ขับกู่.....................เคียงคู่ อยู่นิ่ง ยิ่งสักขี
ความหนาว เข้าคลุม
สุมทวี...................ป่าดง พงพี ใกล้นิทรา
๏ คืบคลาน เข้าสู่
ความสงบ.................พิภพ ลบเลือน วิหิงสา
หรีดหริ่ง เรไร
ไพรพนา.........................เริงร่า ประเลง เพลงระงม
๏ หัวใจ ไพรพง
คงคลายผ่อน...............เข้านอน แนบนิ่ง อิงแอบสม
หัวใจ คนพลอย
คล้อยภิรมย์..................อุดม สุขะ สงบระงับ
๏ ราคะ โทสะ พยาบาท
ฯลฯ.................สร้างทุกข์ สุขขาด ไปปราศสรรพ
สติ ปัญญา
มาย่อยยับ...........................งามใจ หายวับ เลือนลับลา
๏ ปรุงแต่ง ด้วยใจ
ใจกำหนด.................จะหมด / จะมี สิเนหา
ประโยชน์ อันใด
ใยอัตตา.......................ต้องมา สร้างสรรค์ สำราญ(ใน)ตน ?
๏ เห็นโทษ โฉดหลาย ในราคะ...............โทสะ
พยาบาท ฯลฯ พาขัดสน
ตั้งจิต ตั้งใจ
ไกรถกล.............................เว้นห่าง ว่างหน อกุศลธรรม
๏ จึงจะ สงบเย็น
อยู่เป็นสุข....................ไร้ทุกข์ โทษทัณฑ์ มานงามขำ
สะอาด อุรา
ทิวา-ค่ำ..............................เลิศล้ำ สัมฤทธิ์ ชีวิตเอย ฯ
๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น