ผลงานของชายคนหนึ่งซึ่งนอกจากตามหลักสูตรของโรงเรียนแล้ว ต้องเรียนรู้ศึกษาหาความรู้เอง ทั้งหลักธรรมและการประพันธ์ ชอบคิด-วิเคราะห์-สรุปบทเรียนใหม่เป็นประจำ แล้วบันทึกไว้เป็นบทกวีเพราะมิเช่นนั้นจะลืมบทเรียนเก่า คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง จึงโพสต์สู่สื่อสาธารณะ
ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน
สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้
วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
ความคาดหวังต่อคณะปฏิวัติรัฐประหารไทย
ความคาดหวังต่อคณะปฏิวัติรัฐประหารไทย
หลายคนคงคาดหวังว่า
การปฏิวัติรัฐประหารโดยทหารในเย็นวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗
จะมีการปฏิรูปโครงสร้างการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจและสังคมไทย ให้มุ่งสู่ความสุขความเจริญก้าวหน้า ถอนรากถอนโคนอำนาจชั่วให้หมดไปจากแผ่นดินไทย
....
ผมไม่คิดหวังอะไรขนาดนั้นหรอกครับ เหตุผลเพราะ
๑.ทหารไทย ยังมีความคิด มีวัฒนธรรมองค์กรแบบเดิมๆ เหมือนเมื่อตอนปฏิวัติ พ.ศ. ๒๔๗๕
คือ ยังเป็นแบบอำนาจนิยม พยายามแทรกแซง-เข้ามามีอิทธิพลในอำนาจการเมืองการปกครอง
...
๒.การเมืองการปกครองไทย ไม่เคยพ้นจากการกำหนด-บงการ จากชนชั้นสูง นักการเมืองระดับสูง ข้าราชการระดับสูง นักธุรกิจระดับสูง ที่ชี้นำการเมืองไปในทิศทางที่เอื้อประโยชน์แก่ตัวเองและพวกพ้อง ไม่ใช่เพื่อชาติ ไม่ใช่เพื่อประชาชนโดยรวม
....
๓.บุคคลชนชั้นสูงเหล่านี้ จะแย่งชิง-ต่อรอง-แลกเปลี่ยน ผลประโยชน์และอำนาจการบริหารการปกครองประเทศ ระหว่างกันเท่านั้น ไม่ได้มีการกระจายอำนาจสู่ประชาชนทั้งประเทศอย่างแท้จริง โดยใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้นๆ คนที่บาดเจ็บล้มตาย ได้รับความเดือดร้อน ก็มีแต่ประชาชนทั่วไป ไม่ใช่บุคคลชนชั้นสูง
....
๔.ประชาชนทั่วไป ยังขาดจิตสำนึก ขาดความรู้ ความคิด ความสามารถ ความพยายาม ความสามัคคีและการรวมพลังอย่างเพียงพอ ที่จะต่อรอง-แบ่งปันอำนาจจากชนชั้นสูงเหล่านั้น ทำได้เพียงเป็นผู้รับใช้ รับสนองนโยบายที่ถูกส่งลงมาจากเบื้องบน
...
๕.คนไทยส่วนใหญ่ ยังไม่มีความรู้ ความพร้อม สำหรับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
หากต้องการให้การเมืองการปกครองของไทยเป็นประชาธิปไตย ที่มีการบริหารการปกครองเพื่อประชาชน คนไทยต้องพัฒนาความรู้ ความคิด ทัศนคติ ค่านิยม มโนธรรม ฯลฯ ที่สอดคล้องกับหลักการระบอบประชาธิปไตย ต้องทำอย่างเข้มแข็งและจริงจัง ไม่ใช่คิดหาแต่ประโยชน์ใส่ตัว ดำเนินชีวิตอย่างไร้สาระไปวันๆ เช่นที่ผ่านมา
....
สรุปว่า ความห่างของช่องว่างแห่งความเท่าเทียมทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและการจัดสรรแบ่งปันประโยชน์ของชาติไทย จะคงความกว้างอยู่เช่นเดิม ประชาชนยังคงถูกละเลย หลอกใช้....ไปอีกนาน
๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น