เสียงร่ำไห้..จากห้วงลึกของหัวใจ
: กลอนเปล่า
๏ ในอดีตที่ผ่านเลย
ฉันคุ้นเคยกับการได้ยินเสียงร่ำไห้
จากห้วงลึกของหัวใจ
ที่เหน็ดเหนื่อย...อ่อนไหว....และเคว้งคว้าง
๏ หัวใจที่ใฝ่ฝันร้อยพันอย่าง
หัวใจที่ผิดหวังร้อยพันสิ่ง
หัวใจที่ไม่เข้าใจความเป็นจริง
เที่ยววิ่งไล่...ใฝ่ฝัน...ทะยานทะเยอ
๏ ความคิดผิด นำพาชีวาพลาด
จิตใจบาดเจ็บ บอบช้ำ ซึมเศร้า
จิตใจบาดเจ็บ บอบช้ำ ซึมเศร้า
ฉันมักเฝ้าเหม่อมองดูท้องฟ้า ปรารถนาถึงดวงดาว
สายตาที่มืดมน...เฉื่อยเฉา
ค้นหาแสงสว่างพร่างพราวไม่พบพาน
๏ ด้วยความด้อย น้อยความคิด
ดวงจิตได้แต่ภาวนาว่าคงสักวัน
ค้นหาแสงสว่างพร่างพราวไม่พบพาน
๏ ด้วยความด้อย น้อยความคิด
ดวงจิตได้แต่ภาวนาว่าคงสักวัน
เราจะพบกัน...
ฉันและฝัน
ฉันและฝัน
อย่างไม่แปรผัน...ปันเปลี่ยนไป
๏ แต่ซ้ำแล้วและซ้ำเล่า
ที่ลองเสี่ยงก้าว...ล้ม
และตรมตรอมใจ
ฉันจึงเริ่มฉุกคิดขึ้นได้
ว่าการมีชีวัน
นั้นยากเพียงใด
และเราคงขาดไร้ สติปัญญา
๏ จึงสู้เสาะบ่มเพาะความรู้
มุมานะเพื่อจะไปสู่ สัจจ์แสงแสวงหา
จนสุดท้ายจึงได้พบ และประสบศรัทธา
ในพุทธศาสนา...สาธุการ
๏ ด้วยการปฎิบัติตามคำสอน
แสงสว่างเริ่มซอนซอก ทั่วไปในใจฉัน
หัวใจที่อ่อนแอ
พ่ายแพ้และเขลาพาล
เริ่มแกร่ง...กล้า...หาญด้วยสติปัญญา
๏ ฉันปล่อยความฝัน...ให้ไปตามฝัน
เลือกอยู่กับปัจจุบัน
ลดความอยากทะยานนานา
ค่านิยมโลกีย์ทั้งหลาย มิไล่ล่า
พินิจ...พิจารณา...หาเหตุ-ผล
๏ แม้ว่าฉันจะโง่เขลา
แต่การเฝ้ารักษาดวงกมล
ระวังใจ มิให้ก่อ อกุศล
ความหม่นหมองพร่องพ้น จน...สคราญพานผ่องใส
๏ บัดนี้ฉันเลิกใฝ่ฝัน
เลิกทะเยอทะยาน
ตะบี้ตะบันไป
เผชิญหน้ากับธรรมชาติที่เป็นจริง แสนยิ่งใหญ่
ทำในสิ่งที่ควรทำ และพยายามทำตามเป้าหมาย
ทำในสิ่งที่ควรทำ และพยายามทำตามเป้าหมาย
โดยไม่คิดคาดหวัง...ให้ผิดหวัง
๏ เสียงร่ำไห้ค่อยเลือนหาย
ความมั่นคงธำรงใจ
ไม่เคว้งคว้าง
ดูชีวิตราวกับเงาของความเปล่าว่าง
ทุกสิ่งที่โลกมีล้วนไม่จีรัง
ใครจะอยากอะไร...จะทำอะไรก็ช่าง...
ไม่นำมาวางไว้ในดวงวิญญาณ์
...ใจก็จะสบาย
...ใจก็จะสบาย
๏ ผู้คนดิ้นรน วิ่งวน จนอับ
ชีวิตกระสับกระส่ายกระหาย
ไปกับ
ของที่นิยมนับ ว่า " มีมูลค่า "
ส่วนฉันหยุดวิ่ง
เพราะยิ่งพบพานสัจจา
" ความสงบสุข มีคุณค่า "...เหนือกว่าอะไรทั้งสิ้น
ฯ
๒๖ กันยายน
๒๕๕๖
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น