ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ความรัก กับ การให้ : กลอนเปล่า




ความรัก กับ การให้ : กลอนเปล่า

ความรัก..อยู่คู่กับ การให้
ไม่เคยแยกจากกัน
หรือยากที่จะแยกออกจากกัน
ได้อย่างเด็ดขาด...

รัก..คนที่..ให้
ให้..คนที่..รัก
รัก..เพราะอยากจะได้สิ่งที่เขา..ให้
ให้..เพราะอยากจะได้..ความรัก....

ความรัก และ การให้
ที่ไร้ผลสะท้าน
ที่ปราศจากผลสะท้อน
ต่อจิตใจ
ดูจะเป็นไปไม่ได้...

ความรัก และ การให้
ที่ไม่หวังผลตอบแทน
จากคนรับ
ช่างแสนจะยากหา
เป็นยิ่งนัก...

โดยความเป็นธรรมดาแล้ว
คน...และแม้กระทั่งสัตว์เดรัจฉาน
จะรัก ผู้ที่ให้สิ่งที่ตนต้องการ
จะชัง ผู้ที่ไม่ให้สิ่งที่ตนต้องการ

ถ้าให้..ก็จะรัก
ถ้าไม่ให้..ก็จะชัง
ดังนั้น จึงไม่มีความรักและความชัง
ที่จีรังยั่งยืน
ในหมู่คนและสัตว์เดรัจฉานทั่วๆไป

เมื่อมองจากจิตใจที่เป็นธรรม
ความรัก และ การให้ ที่หมายผล
หาได้เกิดกับกมล
บนความซื่อสัตย์สุจริต

หากแต่เป็นความทุจริต
เป็นความคิด..ที่หว่านพืชเพื่อหวังผล
เป็นเล่ห์กล ของกมลที่ทะยานอยาก
เป็นความโลภมาก
และกิเลสตัณหา...

ความรัก และ การให้ ที่หมายผล
เป็นกลไกเดียวกันกับ..การลงทุน
เป็นกระบวนการเดียวกันกับ..การทำธุรกิจ
เป็นความคิด
เพื่อแสวงหา..ผลตอบแทนและผลกำไร

หากผู้รับไม่ประสงค์
ที่จะมีความเกี่ยวข้องอันใด
ไม่อยากพบกับสิ่งซึ่งไม่คาดหมาย
ที่จะติดตามมาสร้างความวุ่นวายให้ชีวิต
ก็จงรู้คิด มิควรที่จะรับความรัก และ/หรือ การให้ เอาไว้

หรือถ้าหากรับไว้แล้ว
ก็จงทำใจแน่แน่ว รู้เท่าทันว่า..
ไม่จำเป็นต้องเอาใจใส่
ไม่จำเป็นต้องตอบแทน
ไม่ต้องเป็นกังวลว่า
จะเป็นการ..เนรคุณ หรือ อกตัญญู
ต่อ ความรัก และ การให้ ที่หมายผลตอบแทน

เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยในโลกนี้
ที่สู่คิดว่า
การใช้  ความรัก และ การให้
เป็นเหยื่อล่ออันแสนชาญฉลาด
ของตัวเอง

คิดว่าคนที่ตอบรับ
ความรัก และ การให้ ของตน
เป็นเหยื่อ...ที่โง่เขลา
ไม่เท่าทันตน

บางคนถึงกับเรียกร้อง
ขอสิ่งตอบแทนจากผู้รับ
เรียกร้องความกตัญญู กตเวที
ด้วยฤดีอันสกปรก มืดดำ
ตามลำดับขั้นของแผนการอันแสนโสโครก
ที่ได้วางเอาไว้

แต่ผู้ที่มีจิตใจอันประเสริฐ
มีศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม
ผู้มีความเห็นแก่ตัวน้อย
ผู้มีจิตใจสุจริต

ย่อมมีความยินดีที่จะให้ด้วยใจที่เมตตา
เพื่อหมายให้เขาเป็นสุข
พร้อมจะให้ด้วยใจที่กรุณา
เพื่อหวังให้เขาพ้นจากความทุกข์

มิได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆ
แม้ว่าผู้ที่ได้รับ
จะรู้สึกสำนึก กตัญญุตา
ประสงค์จะแสดง กตเวทิตา
ด้วยการตอบแทน

มิได้โกรธเคือง ครุ่นแค้นแต่อย่างใด
แม้ว่าผู้ที่ได้รับ
จะไร้จิตสำนึกตรึกตรอง
ว่าเป็นบุญ เป็นคุณ ก็ตามที...

ผู้มีจิตใจอันประเสริฐ
เมื่อได้ " ให้ " แล้ว
ก็พอใจในการให้ของตน
ถือว่าตน " ได้ " แล้ว
สำเร็จเผด็จผล
ของกุศลกรรมอันอำไพแล้ว

เป็นการให้
ด้วยจิตใจอันสุจริต
บริสุทธิ์ด้วยการกระทำ
ที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน

จึงเป็น ความรัก และ การให้
ที่ไร้มลทิน...
วิเศษ ประเสริฐ สูงส่ง
คงไว้ซึ่งความงามและความดี
ตราบนิรันดรกาล...

และผู้มีจิตใจประเสริฐ
ผู้ได้รับการศึกษาอบรมในศีลธรรม
ได้เรียนรู้จริยธรรมที่ดีพร้อม
ย่อมสำนึกในบุญคุณ
แห่ง ความรัก และ การให้ อันสุจริต
ชื่อว่า มีความกตัญญู
และมีสำนึกในอันที่จะตอบแทนบุญคุณ
ชื่อว่า กตเวที

ซึ่งพระพุทธองค์ทรงกล่าวว่า
เป็น คุณสมบัติของคนดี
อันคนดีจะขาดเสียมิได้...ฯ


๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น