ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ความเกลียดชัง : กลอนเปล่า




ความเกลียดชัง : กลอนเปล่า
(เมืองไทย...อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเกลียดชังอย่างรุนแรงมานานปีแล้ว
จะเป็นเช่นนี้อีกนานเท่าใด ? หรือจะอยู่คู่กันไปตลอดกาล ?)

    ความเกลียดชัง คงฝังราก...........ใจเสื่อมสาก จากกุศล

คิดชั่วหยาบ บาปประจญ.................สันดานดล ฉลโฉดดัน

    แม้นชื่นเชย ชอบเคยคุ้น.............มานสถุล สุนทรสรรค์

หนทางตก นรกโลกันตร์..................โอกาสอัน ยากผันแปร ฯ
   
ความเกลียดชัง ยังคงอยู่คู่กับผู้คน
ทั่วสากล ทุกยุคสมัย
กำเนิดในจิตใจ
แสดงออกไป ในการกระทำ

ความเกลียดชัง ย่อมปรากฏ
ในบทบาทของผู้ กระทำ
และในฐานะผู้....ถูกกระทำ
ดำเนินมาเช่นนี้ อยู่ทุกวี่วัน

เริ่มวิภาคจาก ผู้กระทำ
อันความเกลียดชังนั้น
ย่อมกระทำสู่ ทั้งแก่ ตัวเอง และผู้อื่น
แต่ด้วยความที่ธรรมดาของคน ย่อมรักตัวเอง
ความเกลียดชังส่วนใหญ่
จึงเป็นการกระทำ
ที่มีไว้ให้แก่ผู้อื่นทุกคน

ด้วยสาเหตุต่างๆนานา
ที่อ้างว่าเป็นเหตุผล
แม้จะไม่สมเหตุสมผล
ที่ก่อเกิดความเกลียดชังนั้น
กล่าวได้ว่า...

เกลียดชัง เพราะคนเหล่านั้นคือ...
คู่แข่ง ที่แย่งชิงสิ่งที่ตนมุ่งหวัง
ผู้นั้น ดีกว่าตน
ผู้นั้น เสมอกับตน
และแม้กระทั่ง ย่ำแย่กว่าตน

เกลียดชัง...
ผู้ที่มีอะไรเหมือนตน
ผู้ที่มีอะไรไม่เหมือนตน
ผู้ที่ไม่ให้สิ่งที่ตนต้องการ
และแม้การทั่ง ให้สิ่งที่ตนต้องการแล้วก็ตาม

เกลียดชัง...
ผู้ที่ขัดขวางการกระทำของตน
ผู้ที่เป็นอุปสรรคสู่การบรรลุเป้าหมายของตน
และแม้แต่ผู้ที่เห็นต่าง
กับเป้าหมายของตน

เกลียดชัง...
ผู้ที่สร้างความลำบากเดือดร้อน
ผู้ที่สร้างปัญหามาให้
และแม้แต่เป็นแค่
ผู้ที่ตนหมายหัว...ว่าเป็นตัวปัญหา
ฯลฯ
ก็ยกขึ้นเป็นเหตุเป็นผล
เพื่อก่อความเกลียดชังได้

ความเกลียดชัง ต่อบุคคลอื่น
จึงดาษดื่น มากมาย
โดยอาจไม่เคย
หรืออาจไม่ต้องเอ่ยต้องมีเหตุผลกำกับ
เสมือนกับ...
สักแต่ว่าอยาก จะเกลียดชัง

ทั้งนี้ โดยไม่มีการวิพากษ์ตัวตน
ทั้งตัวเองและบุคคลอื่น
ว่าแท้ที่จริงแล้ว
เป็นคนเช่นไร ?
จึงทำให้ต้องเกลียดชัง

เป็นคนชอบเบียดเบียนผู้อื่น ?
เป็นคนทุจริตคิดฉ้อฉล ?
เป็นคนละเมิดกฎระเบียบ ?
เป็นคนเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ?

เป็นคนมือถือสาก ปากถือศีล ?
เป็นคนโกหกหลอกลวง ?
เป็นคนปากพร่อย ปากร้าย ?
เป็นคนชอบส่อเสียด นินทา ใส่ร้าย ?

เป็นคนมีมิจฉาทิฏฐิ ?
เป็นคนโลภโมโทสัน ?
เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นเจ้าพยาบาท ?
เป็นคนหลงผิด ?
ฯลฯ

แน่นอนว่า
หากลักษณะความเป็นตัวตนเช่นนี้เกิดที่ผู้อื่น
ย่อมยากจักฝืน ในการไปแก้จริต
แต่ถ้าหากเกิดกับตนเองแล้วไซร้
ก็ควรเร่งใส่ใจในจิต
คิดแก้ไขปรับปรุงตัวเองเสียใหม่

และแน่นอนว่า
คนเขลา ย่อมมัวเมามืดมน  เป็นวิสัย
ไม่รู้ว่าตน เป็นคนที่ ดี หรือ ชั่ว
และธรรมดาของคนชั่ว
ย่อมไม่รู้ว่าสิ่งใดชั่ว
และสิ่งใดดี

อันว่าผู้ผ่านการศึกษาอบรม
ในศีลธรรม พุทธวิถี
ย่อมจดจำได้ว่า
ความเกลียดชังนั้นเป็นมลทิน
เป็นสิ่งทำให้จิตใจมัวหมองสกปรก

หากแม้มีกำลังมาก
ย่อมเป็นโทษ เช่นชัฏรก
ย่อมชักนำไปสู่การก่อกรรมบาป
ชักนำไปสู่คติแห่งอบาย

จึงควรควบคุมจิตใจ
ไม่ให้เกลียดชังผู้ใด
ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ
ก็ตามที

วิภาคในฐานะ ผู้ถูกกระทำ
มิใช่รู้ว่าตนถูกเกลียดชัง
เพราะ ผู้อื่นชั่ว และตัวเราดี
กลับยังพยายามปรับตัว ให้ตนเป็นคนชั่ว
เพื่อให้เข้ากันได้กับเขา
เพื่อให้เขาไม่เกลียดชัง

เช่นนั้นก็เป็นพฤติกรรมของพาลชน
แลพฤติกรรมเยี่ยงนั้น เป็นวังวน
ที่แพร่หลายอยู่ในแวดวง
ในบรรดาข้าราชการ
และในหมู่นักการเมือง

หากแม้นว่าถูกผู้อื่นเกลียดชัง
เพราะความเข้าใจผิด
ควรหาโอกาสปรับความเข้าใจกัน

ถ้าเกิดจากทิฏฐิส่วนตนของเขา
หนีไม่พ้นจะเป็นเรื่องยาก
ที่เราจะทำให้เกิดการแปรผัน
จำยอมต้องปล่อยให้เป็นไปเช่นนั้น
ช่างมัน...ต่างคนต่างอยู่

แต่หากแม้นว่าความเกลียดชังนั้น
นำไปสู่การถูกกลั่นแกล้ง-มุ่งร้าย
เมื่อทำได้ ก็จงย้ายคู่กรณี
ไปอยู่ยังสถานที่ไกลๆตัว

หรือถ้าทำไม่ได้
ก็ควรพิจารณา ย้ายตัวเราเอง
เพื่อจะได้เบาจิตเบาใจ
รู้สึกปลอดภัย
จะได้มีช่วงชีวัน....อันสันติสุข ฯ


๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น