เครื่องกันหนาว :
กลอนจรรโลงใจ
๏ รัตติกาล
นานยาว เย็นหนาวเหน็บ...........ลมลอดเล็ด ตะเข็บข้าง ผนังฝา
ส่งเสียงซู่ ขู่ขวัญ
ครั่นกายา.......................ฝืนนิทรา ผ้าห่ม ถมทับกาย
๏ ยินใบไม้
กราวกลิ้ง วิ่งตามพื้น................ช่างคึกครื้น ชื่นบาน สำราญหลาย
เหมือนหนาวเย็น
เป็นมิตร อิฎฐสบาย...........เพื่อนสหาย ไพรพนา ยามรชนี(อิฎฐ-=ความน่าปรารถนา)
๏ น้ำค้างพรม
รมย์รื่น ร่วมชื่นชู..................เหมันตะ ฤดู สุธาศรี
หริ่งเรไร ร้องฟัง
ดั่งดนตรี..........................ค่ำคืนนี้ มีการ ประชันเพลง
๏ เมื่อเหมันต์
หันหวน มวลอากาศ..............เย็นครอบงำ ธรรมชาติ อย่างครัดเคร่ง
คนต้องหา
เครื่องคลายหนาว กันเอาเอง.......ไม่มัวเกรง กลัวกาล ที่ผันแปร
๏ เปรียบเสมือน
วิบากกรรม ตามให้ผล........ต้องผจญ เคราะห์เข็ญ ยากเร้นแล้
ปริวิตก
โศกเศร้า เนาดวงแด.......................มิช่วยแก้ ปัญหา ชีวามี(ปริวิตก=นึกเป็นทุกข์ใจ)
๏ หากุศล หนทาง
สร่างทุกข์โศก...............วิปโยค โรคใจ ได้หลีกลี้
แม้วิบาก หนักหนา
ยังราวี..........................ดวงฤดี มิพรั่น ด้วยปัญญา
๏ ถึงทุกข์โศก
โรคภัย ทำให้หนาว.............กุศลผ่าว เร่าอุ่น ละมุนหนา
ถึงบอบช้ำ กรำตรม
กรมกายา.....................แต่อุรา ผาสุก สนุกนอง
๏
เครื่องกันหนาว คลุมกาย ไม่กลัวหนาว.....ชมหมอกขาว เช้าตรู่ สู่ฉลอง
กุศลธรรม ค้ำใจ
เกรียงไกรจอง...................วิบากท่อง ผ่องทิศ ชีวิตเทอญ ฯ
๒๖ มีนาคม ๒๕๕๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น