โลกและพุทธะ : กลอนเจ็ด
๏ ฝนตก ทั้งคืน
เช้าชื้นฉ่ำ................ที่ลุ่ม ชุ่มต่ำ น้ำขังเห็น
ลมสะบัด พัดพา
อากาศเย็น...............ยิ่งเป็น วันหยุด สุดสัปดาห์
๏ ลุกตื่น ชื่นชม รมย์ธรรมชาติ...........ทัศนา
สะอาด สุดปรารถนา
รงค์รอง ส่องแสง
สุริยา.....................งามตา ปรากฏ หมดจดการณ์
๏ จับจ้อง มองใจ
ไม่ปล่อยจิต............ตรองตาม ความคิด พิษฐาน
กิเลส ตัณหา
อุปาทาน.......................(ความ)ขัดข้อง-พร่องพาน มานผจญ
๏ กล่อมเกลา จิตใส ใจสะอาด............ความคิด
ผุดผาด พิลาสล้น
เทียบเคียง
ครองธรรม กรำกมล............คงสุ กุศล ถกลมี(ถกล=งาม)
๏ ระงับ ดับร้อน
สรสงบ.....................ประสบ วิเวก อดิเรกศรี(อดิเรก=พิเศษ)
(แม้)รอบกาย วายวุ่น
กรุ่นเต็มที............แต่ฤดี ปรีดา ประภาพาน
๏ ธรรมะ ทำให้
ใจสงบ......................(เพื่อ)อาศัย ในพิภพ ลบพลุ่งพล่าน
หาใช่ ให้แปลก
แยกพิสดาร.................วิตถาร มนุษย์ หลุดโลกา
๏ หลักการ วิมุติ
พุทธศาสน์................ไม่ได้ หมายมาด ประหลาดหา
ขัดเกลา กิเลส
เพทนา........................หาใช่ มารยา บ้านิยม
๏ กำจัด ทุจริต
ความมิจฉา..................มิใช่ ไขว่คว้า มาสะสม
สุจริต จิตใส
ใจอุดม...........................มิได้ เพาะบ่ม โง่งมงาย
๏ อยู่ใน โลกอย่าง
ร่วมสร้างสรรค์.........ศีลธรรม์ บันเทิง เริงรื่นหลาย
อยู่อย่าง ร้างทุกข์
สุขสบาย..................หยุดทร (ระ)มานกาย และใจเอย ฯ
๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น