อย่าก่อกรรมทำเข็ญ : กลอนแปด
๏ แสงสุรีย์ สีทอง
ที่ส่องพ้น..................ยอดไพรสณฑ์ จนสว่าง กลางห้วงหาว
เป็นสัญญาณ วารสาย
สยายยาว..............แม้ความหนาว เคล้าคลอ บ่ผ่อนคลาย
๏ ชลธาร ระหานน้ำ
ยามหน้าแล้ง............ดูเหือดแห้ง ปลาหอย ร่องรอยหาย
เพียงหินกรวด กลมกระ
เกลื่อนประปราย....หาได้คล้าย สายน้ำ เคยร่ำริน
๏ ถึงมีสุข/ทุกข์ย้ำ
ยากลำบาก................ย่อมพลัดพราก จากไป ไม่หวนสิ้น
สัจธรรม ส่ำผูก
ทุกชีวิน...........................ให้เกิดมา หากิน ก่อนดับตาย
๏ อย่าไปหลง ยศถา
บรรดาศักดิ์..............แม้แต่(ความ)รัก ปักจิต ชีวิตหมาย
แค่เพียงมา ยาภาพ
พร้อมดับกลาย............ดูคลับคล้าย คลับคลา ว่าเคยมี
๏ เวลาวาร ผันเปลี่ยน
ดูเวียนไว...............นับ(ว่ายัง)เชื่องช้า หาไว เท่าใจ(คน)นี้
อายุคน พ้นผ่าน
วันเดือนปี.......................เดี๋ยวชีวี ที่รัก ก็จากจร
๏ หากไม่มี (ความ)ดีงาม
กรรมสูงส่ง.........โลกนี้คง ไม่สู่ สร้างอนุสรณ์
คนตายแล้ว (ก็)แล้วไป
ไร้อาวรณ์..............อุทาหรณ์ ย้อนใคร่ ให้คิดครวญ
๏ อย่าก่อกรรม ทำเข็ญ
เป็นอันขาด...........จะไม่อาจ ย้อนกรรม ย้ำแก้หวน
กฎแห่งกรรม ธรรมแท้
มิแปรปรวน..............ประดุจตรวน ตามติด พิจารณา
๏ เมื่อไม่ได้ ทำชั่ว
อย่ากลัวบาป...............เมื่อทำดี มิสาบ สูญบุญหนา
ไม่ใช่เพียง ชาตินี้
มีชีวา...........................แต่ยังมี ชาติหน้า วัฏฏะเอย ฯ
๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น