ไม่ดิ้นรน
จนเดือดร้อน : กลอนเปล่า
๏ เมื่อแสงแรกแห่งรังสิมันตุ์แทรกผ่านนภา
บรรดาสกุณีดุริยางค์ต่างเริ่มบรรเลงเพลงผสาน
อำลาอาลัยรัตติกาลอันสงบนิ่ง
แลลิงโลดรับทิวาสมัยในบัดดล
๏ คลายอ้อมกอดของนิทรา
ชีวากลับมามีสติสัมปชัญญะอีกหน
ขับเคลื่อนกลไกชักใยสังขาร
ที่เผาผลาญพลังงานเพื่อการอยู่รอด
ตามวัฏจักรของการเปลี่ยนแปลง
ที่ไม่เคยแปลงเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
๏ ความเป็นไปในไพรสณฑ์เปี่ยมล้นด้วยความสงบ
เพราะสรรพชีวีต่างปรารภ-ต่างแสวงหา
เพียงเพื่อค้ำจุนรักษาชีวาแลสังขาร
เมื่อให้ได้อาหาร-ที่อยู่อาศัย
แลรักษาสายสัมพันธ์
การดิ้นรนใดๆพลันยุติ
เพื่อให้มีเวลาเสพสันทนาการ
แลผ่อนคลาย
๏ ธำรงครรลองของวิถีแห่งความพึงใจไม่ละโมบ
จึงคงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ
ที่ยืนหยัดอยู่ได้
ด้วยอาการสงบ สมดุล
แลงดงาม
๏ การไม่ตะกละตะกลาม
ใคร่ชั่วมัวเมา
สะท้อนซึ่งจินตนาการ
อันไม่โง่เขลา
ไม่เอาแต่ใจ
ไม่เห็นแก่ตัว หัวใจทราม
ตามโลกียวิสัย
ในสัตว์บางหมู่บางชนิด
ที่คิดแส่หาความมั่งคั่ง
เกียรติยศ ชื่อเสียง
เพียงประหนึ่งพึงใจในมายาบรรดามี
๏ โดยมิต้องมีสมองอันมีประสิทธิภาพ
ชีวิตในพงไพร
กลับพิสุทธิ์ สดใส ไร้ราคี
โดยมิต้องมีพัฒนาการอันซับซ้อนเกินไกล
วิถีแห่งป่าดงคงเย็นเป็นสุขใส
สงบระงับดับความเร่าร้อนมิให้ย้อนคืนตน
ด้วยเพราะ " ไม่ดิ้นรน จนเดือดร้อน " นั่นเอง ฯ
๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น