กลอนแปด : ฟ้าหลังฝน
๏ ย่างยามสอง ท้องฟ้า หลังซาฝน....................ดูมืดมน สกลดาว พราวไสว
ฟ้าหลังฝน ยลว่าง พร่างพิไล........................ดาวสดใส ประกายวับ สวยจับตา
๏ หลังฝนพรำ ค่ำคืน ทะมืนมืด.........................ความเย็นชืด ยึดครอง จองพฤกษา
หริ่งเรไร พร่ำเสียง เพียงพนา........................สิ้นฝนซา ฟังชัด ถนัดใจ
๏ หลังปัญหา หนักอก ทุกข์โศกสิ้น...................จะได้ยิน จินตนาการ กังวานใส
ปรัชญา คติธรรม ผ่องอำไพ..........................บรรเจิดใจ ส่องแจ้ง แสงสัจจา
๏ ควรบันทึก ตรึกตรอง คลองความคิด...............บรรทัดฐาน ชาญชีวิต พ้นมิจฉา
เป็นบทเรียน เพียรรู้ สู่ศรัทธา........................ทรงคุณค่า สถาพร ทอนเภทภัย
๏ วันพรุ่งนี้ (เมื่อถึง)พรุ่งนี้เห็น เป็นวันนี้..............แต่วันนี้ (กลาย)เป็นวานวัน ชวนหวั่นไหว
ร่างกายนี้ มีชีวัน นานเท่าใด?........................ก่อนจะกลาย ไร้ชีวิต อดีต(ชาติ)กัน
๏ บุญ-บาปกรรม ทำไว้ ในชาติก่อน...................เป็นทุนรอน ให้ชาตินี้ มีโศก / (สุข)สันติ์
ชาตินี้เป็น (ให้)ฐานชาติหน้า ผลผจัญ.............รู้เท่าทัน หวั่นทั่ว กลัวบาปเทอญ ฯ(ผจัญ=ประจัญ)
๒๑ เมษายน ๒๕๕๔
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น