ถูกคนชิงชังรังเกียจ
คือธรรมดาโลก : กลอนแปด
๏ ป่าต้นน้ำ ลำธาร
บันดาลฝน...................สู่โลกา นภดล วนเวียนหมุน
มวลอากาศ ชุ่มชื้น
คืนสมดุล.....................เกิดพิบุล วัฏจักร หลักชีวี
๏ หากแต่ชน ฉลโฉด
กลับโปรดปราน.........ทำลายล้าง ถางผลาญ ลาญป่นปี้
(เพียง)เพื่อประโยชน์
ส่วนตน จนโลกนี้........ปรากฏมี วิกฤติ ผวนพิสดาร
๏ สิ่งแวดล้อม กำลัง
พังพินาศ....................(เหตุ)มนุษยชาติ ไม่เจียม ใจเหี้ยมหาญ
ความเดือดร้อน ย้อนตน
ท้นทรมาน..............เพราะสันดาน พาลถ่อย คอยมัวเมา
๏ คนส่วนใหญ่ ใคร่ยล
ตนโสภี....................โดยวิธี ชิงชัง รังเกียจเขา
การใส่ร้าย ป้ายสี
นิยมเนา..........................กลับทำให้ ใจเบา เขลาสิ้นดี
๏ เป็นธรรมชาติ สัจจา
ในมนุษย์...................มืดกระมล ดลดุจ ดั่งภูตผี
สภาวะสัตว์
เบียดเบียน(ผู้อื่น) เชียรชีวี...........ยังมากมี ในใจ ชนไตร่ตรอง
๏ คนที่ถูก (เขา)ชิงชัง
และรังเกียจ................อย่าเคร่งเครียด เกลียดชัง สร้างสนอง
(เพราะ)มิถูกต้อง
ถ่องตาม ธรรมครรลอง.........จะพาตน หม่นหมอง คับข้องจินต์
๏ อย่าถือสา อันธพาล
สันดานถ่อย................(ชอบ)ข่มขี่คน อื่นด้อย คอยติฉิน
มิรู้ตน มนมาน
พาลเคยชิน...........................ก่ออกุศล มลทิน ท่วมวิญญาณ์
๏ ผู้ฉลาด ปราชญ์ปรีดิ์
มีศีลธรรม...................ย่อมยกตน พ้นต่ำ ข้ามกังขา
เมื่อมิทำ ตัวตน
ฉลโฉดช้า............................สงบฤดี ปรีดา สาธุเทอญฯ
๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๙
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น