มองไปข้างหน้า
มองกลับมาข้างหลัง : กลอนเปล่า
๏ ปิดไฟในห้อง
จับจ้องมองความมืดมน
อนธการ์แห่งราตรี
พินิจพิจารณ์
ถึงการกระทำใดๆในวันนี้
อุปสรรคปัญหาประดามี
เป็นปกติวิถี
ที่ยากจะตั้งความปรารถนา
ว่าอย่าได้มีเลย...
๏ พยายามทำอะไรให้ดีที่สุด
อุตสาหะตามกำลังความสามารถ
นะอัตตาเอ๋ย...
มีบ้าง
บางทีที่อาจจะขาดๆเกินๆ
ข้อบกพร่องที่ตรองเห็น...มิควรทำเป็นเฉยเมย
๏ แม้ทำให้ใครเดือดร้อน
ไม่นิ่งนอน
วิงวอนขอการอภัยด้วยใจเปิดเผย
คนที่ไม่ทำผิด
คงมีแค่คนที่ไม่ทำอะไรเลย
แต่อาจเอื้อนเอ่ย
ว่าการที่มิทำอะไรเลย...ก็เป็นความผิด
๏ สถานะ-บทบาท-หน้าที่
มีอยู่ คงอยู่
คู่ทุกชีวิต
ก่อนจะทำอะไรพึงควรใคร่คิด
ป้องกันการพลาดผิด
จะได้ไม่ต้องมาอิดหนาระอาใจ
๏ บางครั้ง
ความผิดพลั้งอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่บางครั้ง
เป็นเรื่องผิดศีลธรรมได้
ยังให้เกิดผลกรรมตามสนอง
๏ จึงไม่อาจละเลย
ความคุ้นเคยกับการกระทำโดยอ้างอิงศีลธรรม์ครรลอง
เพราะการทำตามดวงใจปอง
มักทำให้เกิดข้อบกพร่อง...ที่มิพึงต้องการ
๏ มองไปข้างหน้า...
แล้วอย่าต้องมาเสียใจไห้โศกศัลย์
เพราะความลำบากยากลำเค็ญ
เฉกเช่นเดียวกับโดนลงทัณฑ์
จากการที่วันนี้ดื้อรั้น
ทำผิดศีลธรรม์ฝืนจรรยา
๏ ความทรงจำ...
คือสมบัติอันล้ำค่าของชีวิต
แม้แต่ความที่เคยพลาดผิด
ที่คนมักคิดอยากจะลืมเลือน
เสมือนไม่เคยมีมา...ก็หาควรไม่
๏ ความผิดพลาด...
สามารถใช้เป็นบทเรียน
และเปลี่ยนเป็นความรู้สู่การแก้ไข
ก่อให้เกิดการพัฒนา
จึงนับว่ามีคุณค่า...อย่าคิดละเลยไป
๏ แม้ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร
แต่สิ่งสำคัญคือวันนี้ไซร้
ต้องทำให้ดีที่สุด
เพื่ออย่างน้อยในวันข้างหน้า
เมื่อหวนมองกลับมา
อย่าได้ต้องรู้สึกเสียดาย...เสียใจ
ที่ไม่ทำความดีอะไร...
ให้เป็นจริงเป็นจัง ฯ
๖ เมษายน ๒๕๕๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น