ชีวีมีใจนำ : กลอนแปด
๏ ผิดเวลา ฟ้าฝน
ฉงนใฝ่...................(ฤดู)หนาวล่วงล้ำ ทำไม มิไร้ฝน ?
พายุกราก
มากกว่า วัสสะยล................หนาว-ร้อนวน ฝนเปลี่ยน เวียนไปมา(วัสสะ=ฤดูฝน)
๏ ข้าวต้องเกี่ยว กลางฝน ผลเสียหาย...ชาวนาทน
ทุรนทุราย ให้ปัญหา
ข้าวเปียกฝน
โดนคัด ตัดราคา..............จำก้มหน้า รับกรรม กลืนลำเค็ญ
๏ ธรรมชาติ ปัจจัย
ไม่ต่างกฎ..............ไร้คนนำ กำหนด บทบาทเน้น
ต่างก็แต่
วิถี ชีวันเป็น.........................เปลี่ยนแปรเช่น เฟ้นได้ ด้วยใจเรา
๏ คนเดียวกัน ขันแก้ แค่ความคิด.........เปลี่ยนชีวิต ผิดผัน
สามานย์/เสาว์(เสาว-=ดี,งาม)
ความคิดนำ กรรมา
วาจาเกลา...............เกิดดี/ชั่ว/มัวเมา/เพราพิไล
๏ การกระทำ กำหนด
บทชีวา..............สร้างมรรคา อนาคต มืด/สดใส
อยากจะฝัน
สรรหา ทำอะไร..................จงคิดใคร่ ให้รอบคอบ กรอบคลองธรรม
๏ แต่เบื้องหลัง ความคิด คือจิตใจ.........อยู่ภายใน สำนึก แสนลึกล้ำ
ประหนึ่งราก
พฤกษา จินดางำ................งอกเป็นต้น สูง/ต่ำ เงื่อนสัมพันธ์
๏ จิตใจทราม ต่ำช้า
หยาบสาไถย..........เป็นปัจจัย ใคร่ทั่ว ชั่วกระสัน
ทุจริต มิจฉา
อาชญาชัน.......................ก่อบาปกรรม์ ทัณฑ์โทษ กำสรดกอง
๏ จิตดีงาม ธรรมคุณ
จรูญฤทธิ์...............เกิดความคิด จิตรา สุทธาสนอง
สุจริต
กิจกรรม์ สอดครรลอง...................อย่างถูกต้อง ถ่องแท้ แลเกรียงไกร
๏ ชีวิตจึง พึ่งใจ
ชักใยอยู่......................นำไปสู่ เส้นทาง ดั่งเสือกไส
อย่าละเลย
ศีลธรรม ประจำใจ..................ที่พาให้ สุขศรี นิรันดร ฯ
๑๘ พฤศจิกายน
๒๕๕๖
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น