ไดอารี่ที่รัก ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕
(
สิ่งที่จะนำเสนอต่อไปนี้หากเป็นการไม่สมควร ก็เป็นเพราะผมด้อยสติปัญญาความสามารถ
และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ )
วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๙:๐๐ น.
ไดอารี่ที่รัก....
วันนี้
คือวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ ฉันได้อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ออนไลน์
มีข้อความที่ทำให้ฉันรู้สึกสะท้อนใจจนน้ำตาคลอเบ้า
".... ขอขอบใจ และขอบพระทัยท่านทั้งหลาย ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน
ที่พรั่งพร้อมกันมาด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต ความปรารถนาดีและความพร้อมเพรียงกันของทุกท่าน อย่างที่ได้เห็นในวันนี้
ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจ มีกำลังใจมากขึ้น ...."
นี่คือพระราชดำรัสของในหลวง
ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต
ที่ทรงตรัสแก่พระสกนิกรที่เฝ้ารับเสด็จ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา
ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า
จะทรงพระดำรัสเช่นนี้ (...ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจ
มีกำลังใจมากขึ้น ....) เพราะพระองค์ทรงเป็นกำลังใจของคนไทยให้ฝ่าฟันปัญหาสถานการณ์บ้านเมืองที่ผันผวน
และอุปสรรคนานัปการมาโดยตลอด พระองค์ทรงเป็นกำลังของแผ่นดินไทย
ที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้มั่นคงเป็นปึกแผ่น
ไม่แตกแยกแม้จะมีความแตกต่างกันเพียงใดก็ตาม
พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย
เป็นผู้ให้ความหวัง ให้กำลังใจแก่คนไทยเสมอมา แต่วันนี้ เราคนไทย
กลับต้องมาเป็นผู้สร้างกำลังใจให้แก่พระองค์ ?
ฉันสันนิษฐานว่า
อาจเป็นเพราะหลายปีที่ผ่านมา มีคนไทยหัวใจชั่วบางคนบางกลุ่มบางพวก
ที่มักใหญ่ใฝ่สูง
เป็นคนไทยที่ร่ำรวยและเป็นใหญ่เป็นโตมาได้ด้วยการเอารัดเอาเปรียบคนไทย ทำการทุจริต
ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย เล่นพรรคเล่นพวก สร้างสถานการณ์รุนแรงต่างๆนานา ยุยงให้เกิดความแตกแยกในหมู่คนไทย
เพียงเพื่อให้ตนเองและพวกพ้องได้กุมอำนาจบริหารประเทศไทย
และได้กระทำการจาบจ้วงล่วงเกินไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเป็นการบ่อนทำลายชาติไทย อย่างที่ไม่เคยมีคนไทยคนใดเคยทำมาก่อน
โดยล่าสุด
ด้วยเพราะเหตุการณ์นี้หรือไม่ ?
ก่อนหน้านี้
มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วว่า มีคำสั่งจากนักการเมืองผ่านสำนักนายกรัฐมนตรี
มายังข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย จนมีหนังสือซึ่งลงนามโดย นายวิบูลย์
สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ส่งไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ
โดยมีเนื้อหาข้อหนึ่งระบุถึงการจัดงานว่า
...ให้ทุกจังหวัดงดการจุดพลุในวันเฉลิมพระชนมพรรษา
และให้ทำการถ่ายทอดสดพิธีการจุดเทียนชัยถวายพระพรที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานจากส่วนกลางไปยังจังหวัดต่างๆ แทน...
ทำให้เป็นที่โจษจันไปทั่วถึงความเหิมเกริม
บังอาจล่วงเกินต่อในหลวงซึ่งเป็นประดุจพ่อ
เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ถึงขนาดว่า นายดิสธร วัชโรทัย
รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง ต้องออกมากล่าวว่า
"... สำนักพระราชวังไม่ได้ห้าม เราไม่ได้ห้าม ไม่เกี่ยวกับพระราชวังเลย
ต้องไปถามกระทรวงมหาดไทย เราไม่รู้
และคณะกรรมการดำเนินงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
พุทธศักราช 2555 ไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย...."
ไดอารี่ที่รัก
เมื่อตอนที่ได้อ่านข่าวนี้ ฉันต้องคอยระงับใจไม่ให้เกิดโทสะ
แต่ก็ไม่อาจบังคับความรู้สึกไม่พอใจ ที่ไอ้/อี หน้าไหน ช่างเหิมเกริมบังอาจกล้ากำแหง
มาคิดทำการเหยียบย่ำน้ำใจของคนไทยได้ถึงขนาดนี้
เพราะวันที่
๕ ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันที่คนไทยจะรู้สึกมีความสุข
แม้จะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์อันเดือดร้อนวุ่นวายจากสถานการณ์ทางการเมืองหรือภัยพิบัติก็ตามที่
เราคนไทยจะร่วมใจกันแสดงออกซึ่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
โดยการแสดงความจงรักภักดีต่อในหลวง ด้วยการแสดงออกสารพัดวิธีตามแต่ความสามารถ
และร่วมใจกันถวายพระพรแด่พระองค์ท่าน
กิจกรรมอย่างหนึ่งซึ่งถึงเป็นเรื่องปกติคือ
จะมีการร่วมตัวกันของคนไทยทุกหมู่เหล่าที่สนามศาลากลางของทุกจังหวัด
เพื่อจุดเทียนชัยถวายพระพร ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ร้องเพลงสดุดีมหาราชา
และร่วมกันโห่ร้องไชโย ก่อนจะจบลงด้วยการจุดพลุแสงสีตระการตาอย่างยิ่งใหญ่
ฉันเขียนมาถึงตรงนี้
ก็ได้ยินเสียงพลุ ๙ นัด ที่ถูกจุดโดยประชาชนบางคนห่างจากบ้านฉันไปไม่ไกลนัก
และเว้นระยะเวลา-ห่างออกไปก็มีการจุดพลุตามมาอีก
ไม่ใช่พลุจากศาลากลางซึ่งจะมีขนาดใหญ่ แต่เป็นพลุขนาดเล็กของชาวบ้าน
การจุดพลุของชาวบ้านเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครทำมาก่อน
เพราะทุกปีจะมีแต่ทางศาลากลางที่ทำการจุดพลุอย่างยิ่งใหญ่เอิกเกริก
เท่ากับเป็นการประกาศถึงความไม่พอใจ
ไม่เห็นด้วยกับการมีคำสั่งห้ามจุดพลุจากกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว
และฉันยังคงเฝ้าคอยฟังว่า ปีนี้จะได้ยินเสียงจุดพลุจากศาลากลางหรือไม่ ? แต่จนป่านนี้ ล่วงเลยเวลา ๒๐ : ๔๐ น.แล้ว ยังเงียบเชียบ...เงียบสนิท ปีนี้
คงจะไม่มีเสียงพลุจากศาลากลางแล้ว
ไดอารี่ที่รัก
ฉันขอจบการเขียนในวันนี้ ด้วยการพยายามข่มจิต สงบใจ
รวบรวมพลังจิตถวายพระพรแด่ในหลวง ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ มีพระพลานามัย
ทรงพระชนมายุยิ่งยืนนาน อยู่เป็นมิ่งขวัญ เป็นกำลังใจให้แก่คนไทยตราบกาลนาน
และตั้งใจว่า จะขอเป็นข้ารับใช้พระองค์ ต่อสู้กับบุคคลรวมทั้งการกระทำใดๆที่บังอาจเอื้อมล่วงเกินพระองค์
สุดกำลังแรงกายแรงใจเท่าที่มี...ตราบชีวีจะหาไม่
แล้วฉันจะขออำลาด้วยการร้องเพลง
" สรรเสริญพระบารมี " ตามด้วยเพลง "
ต้นไม้ของพ่อ " ที่ทำให้ฉันตื้นตันจนน้ำตาไหลได้เสมอ...
ฝันดีนะ
ไดอารี่ที่รัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น