จดหมายจากพ่อถึงลูก เรื่อง
ค่านิยมที่สร้างปัญหาต่อการดำเนินชีวิต
ลูกรัก....
มีสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการดำเนินชีวิตของบุคคล
อันมีผลโดยตรงต่อการกำหนดสภาพความเป็นไปของชีวิตมนุษย์ แม้ว่าจะปรากฏโดยอ้อมก็ตามที สิ่งนั้นคือ
ค่านิยม
ค่านิยม หมายถึง
สิ่งที่บุคคล และ/หรือสังคม
ยึดถือว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่า
ยึดถือว่าเป็นความถูกต้องในการเลือกเป็นบรรทัดฐานเพื่อใช้ตัดสินใจกระทำการต่างๆ ซึ่งครั้งนี้ พ่อจะกล่าวถึง ค่านิยมที่สร้างปัญหาต่อการดำเนินชีวิต โดยยกตัวอย่างมาบางส่วนเท่านั้น
คำว่า ค่านิยม จะมีระดับ กล่าวโดยย่อได้แก่ ค่านิยมระดับบุคคล
และค่านิยมระดับสังคม
โดยที่ค่านิยมระดับบุคคล มักคล้อยตามค่านิยมระดับสังคมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เป็นที่มาของค่านิยมที่สร้างปัญหาต่อการดำเนินชีวิต
ค่านิยมระดับสังคมจะกดดัน-ชักจูงให้บุคคลในสังคมปฏิบัติให้คล้อยตาม
พ่อจึงต้องการให้คำแนะนำแก่ลูก
เพื่อที่ลูกจะได้รู้เท่าทัน
ไม่ตกลงไปและไหลตามกระแสแห่งค่านิยมเหล่านั้น
ค่านิยมที่พ่อเห็นว่าสมควรนำมากล่าวถึงเพื่อเป็นตัวอย่าง ได้แก่ ความต้องการมีของใช้ที่ทันสมัย การเสริมความงาม ความต้องการทานอาหารเลิศหรู
๑. ความต้องการมีของใช้ที่ทันสมัย เรียกอีกอย่างว่าเป็น “บริโภคนิยม / นิยมวัตถุ“ (คนละอย่างกับปรัชญาวัตถุนิยม) ของใช้ทันสมัยเหล่านั้นส่วนมากมักมีราคาสูง ไม่มีความจำเป็นต้องมี-ต้องใช้ถึงขนาดนั้น
ค่านิยมนี้จะสอดแทรกอยู่กับสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆเช่น เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ
โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
คนส่วนใหญ่อยากมีของที่ทันสมัย-มีราคาแพงไว้เพื่อรู้สึกมีความสุขที่ได้ครอบครอง
แต่ที่คนแสวงหาเพื่อการได้ครอบครองสินค้าที่ทันสมัยอยู่เสมอนั้นไม่ใช่เพื่อใช้ แต่มีไว้เพื่ออวดคนอื่น ซึ่งเป็นเรื่องไร้สาระ
ผลกระทบของค่านิยมนี้ที่มีต่อนิสัยใจคอของคนคือ
สำหรับคนที่หลงตัวเองเมื่อได้ครอบครองสินค้าทันสมัยก็จะหลงตัวเอง-ดูหมิ่นเหยียดหยามคนที่ไม่มี
สำหรับคนที่อยากมีแต่ไม่สามารถจะมีได้ก็จะเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ
สำหรับคนที่เห็นคนอื่นดีกว่าตนไม่ได้ก็จะเกิดความอิจฉาริษยา เป็นต้น
หากเรามีเงินเหลือใช้ในวันนี้
ก็ควรเก็บหอมรอมริบเอาไว้
เผื่ออนาคตข้างหน้าเกิดมีความจำเป็นต้องใช้เงินขึ้นมาจะได้ไม่ต้องลำบากไปหยิบยืมจากผู้อื่น
อย่าได้ใช้จ่ายไปกับสิ่งไม่จำเป็นต้องมีต้องใช้เลย
มีข่าวปรากฏอยู่เรื่อยๆว่า วัยรุ่นที่ฐานะยากจน
ไม่มีเงินซื้อแต่อยากมีสินค้าทันสมัยราคาแพง หาวิธีต่างๆนานาเพื่อให้ได้เงินไปซื้อสินค้าเหล่านั้น
บางคนตั้งหน้าตั้งตาทำงานนอกเวลาที่สุจริตก็ดีไป แต่บางคนขายอวัยวะของตัวเอง บางคนขายบริการทางเพศ บางคนขายยาเสพติด บางคนเล่นการพนัน บางคนลักขโมยปล้น-ฆ่า เป็นต้น
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่ทุจริต ผิดจริยธรรรมและกฎหมาย อันส่งผลร้ายมาสู่ชีวิตตนเองและครอบครัว
จริงอยู่ว่าการซื้อของใช้ก็ควรคำนึงถึงความมีคุณภาพของสินค้าเป็นสำคัญ สินค้าที่เป็นของแบรนด์ดังมักมีคุณภาพดี แต่สินค้าทั่วไปที่มีแบรนด์ดังก็มักมีราคาที่แพงเกินไป เป็นราคาที่แพงเพราะค่านิยม
หาได้มีคุณภาพและประโยชน์สูงตามมูลค่าของราคาด้วยไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
สินค้าเหล่านั้นมักผลิตรุ่นใหม่ๆออกมาเพื่อหาเงินจากผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ โดยอ้างค่านิยมคือ “ความทันสมัย“
เราซื้อสินค้าที่มีคุณภาพ
ก็เพื่อที่ว่าจะใช้ได้นาน
ได้รับความสุขสบายในการใช้งาน
มั่นใจได้ว่าสินค้านั้นจะไม่สร้างปัญหาให้เราในภายหลัง
แต่การที่ซื้อสินค้าคาแพงแล้วใช้ไม่นานก็ซื้อใหม่เพื่อจะได้ “ทันสมัย“ ทั้งที่สินค้าที่มีอยู่ยังมีสภาพดี ย่อมเป็นการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
การใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นก็คือการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย-สุรุ่ยสุร่าย เป็นการใช้เงินอย่างไม่คุ้มค่า
กรณีของเครื่องแต่งกาย
ความสำคัญคือเพื่อปกปิดร่างกายให้ดูเรียบร้อย-สวยงาม บดบังแดดร้อนและกันลมหนาว
ใส่แล้วสามารถอำนวยความสะดวกปลอดภัยให้แก่เราในการทำกิจกรรมที่ต้องการ ฯลฯ สิ่งสำคัญอันควรคำนึงถึง คือความเหมาะสมแก่กาลเทศะ ถูกต้องตามแก่สถานภาพและบทบาท ไม่ใช่เรื่องความทันสมัย-ราคาแพง
วัยเรียนไม่ควรให้ความสนใจเรื่องแต่งตัวตามแฟชั่น เพราะเป็นกิจกรรมที่สิ้นเปลือง มีรายจ่ายมาก-เสียเวลามาก-ต้องใช้ความคิด-ความใส่ใจมาก
โดยที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆแก่วัยนี้เลย การมีเสื้อผ้าที่สวยงาม-มีสภาพดี-มีแบบที่เหมาะสม สร้างบุคลิกภาพที่ดีให้กับตน ไม่กี่ชุดก็เพียง กรณีของ โทรศัพท์มือถือ เป็นที่รู้กันในหมู่ผู้ขายว่า เมื่อรวมสินค้าทุกแบรนด์ทุกรุ่นแล้ว จะมีโทรศัพท์มือถือแบบใหม่ออกมาทุกวัน ทั้งนี้ก็เพื่อหาเงินจากผู้บริโภคนั่นเอง แบรนด์ดังๆ
ก็จะออกสินค้าแบบใหม่ๆในแต่ละรุ่นจะออกมาใหม่อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง
โดยมีการสร้างกระแสค่านิยมแห่งความทันสมัยไว้มอมเมาและเรียกเงินจากกระเป๋าของคนซื้อ
ในยามที่เรายังอยู่ในวัยเรียน
โทรศัพท์มือถือหาใช่สิ่งที่จำเป็นต้องมีไม่
โทรศัพท์มือถือไม่ใช่อุปกรณ์การเรียนที่วัยเรียนต้องมี
บ่อยครั้งยังเป็นอุปกรณ์ที่ขัดขวางการเรียนเสียด้วยซ้ำไป
เพราะสามารถตรวจสอบได้จากการใช้งานได้เสมอว่า ส่วนใหญ่ใช้ไปเพื่อพูดคุยกับเพื่อน-กับคนที่อยากติดต่อด้วยเรื่องที่ไร้สาระ เป็นการเสียเงิน-เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
ทั้งๆที่เด็กวัยเรียนมากต่อมากมักโอดครวญเสมอว่า ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ-ทำการบ้าน-ทำงานที่ได้รับมอบหมายจากอาจารย์
แต่กลับมีเวลาพูดคุยโทรศัพท์ในเรื่องไร้สาระอยู่เสมอ ?
แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ในการติดต่อสื่อสารเพื่อทำธุระนอกบ้าน
ก็ควรมีไว้
แต่ก็ไม่ควรเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือที่มีระบบ-เครื่องเล่นที่ไม่จำเป็น และ/หรือไร้สาระ
ซึ่งมักจะมีราคาแพงและมีอายุการใช้งานที่สั้น ชำรุดเสียหายง่าย-ค่าซ่อมแพง หรือซ่อมไม่ได้เลย
กรณีของเครื่องคอมพิวเตอร์
มีการสนับสนุนให้เกิดการใช้จากผู้มีผลประโยชนในธุรกิจสินค้าประเภทนี้ สำหรับคนที่มีฐานะดีจะไม่มีปัญหาเรื่องเงินซื้อ
แต่กับผู้มีรายได้น้อย ค่านิยมนี้ได้สร้างปัญหาให้เป็นอย่างมาก
เพราะสินค้าประเภทนี้มีราคาสูง
โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา
จะมีอายุการใช้งานสั้น-ไม่ทนทาน-เกิดความเสียหายได้ง่าย-ค่าซ่อมแพง ถ้าต้องจ่ายค่าบริการอินเตอร์เน็ตด้วยแล้ว
ก็จะยิ่งเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นไปอีก วัยเรียนที่ไม่มีอุปกรณ์ประเภทนี้
อาจได้รับความสะดวกน้อยไปบ้าง
แต่ก็ไม่มีความจำเป็นขนาดว่าจะไม่มีไม่ได้
เพราะไม่ใช่อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการเรียนทุกวิชาทุกบทเรียน ไม่ใช่ว่าต้องใช้ทุกวันตลอดเวลาเรียน แต่จะต้องใช้บ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น
อีกทั้งยังสามารถใช้ของสถานศึกษาหรือใช้บริการผ่านร้านของเอกชนได้
เครื่องคอมพิวเตอร์มีประโยชน์ในการเรียนก็จริง
แต่การใช้อุปกรณ์ประเภทนี้อย่างผิดวิธี–ผิดวัตถุประสงค์ กลับสร้างโทษภัยอันตราย-ความสูญเสียให้แก่วัยเรียนและแม้แต่วันผู้ใหญ่ได้อย่างมากมายมหาศาล ดังที่ได้ปรากฏเป็นข่าวให้เห็นทั่วไป
กรณีของเครื่องประดับ อันเป็นการใช้เพื่อการตกแต่งประดับประดาร่างกายให้สวยงาม นอกเหนือไปจากสิ่งที่ธรรมชาติได้มอบให้มา ที่จริงแล้วเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องทำในวัยเรียนเลย กล่าวโดยสัจธรรมแล้ว
การไร้เครื่องประดับไม่ได้ทำให้ร่างกายสวยงามน้อยลง
การมีเครื่องประดับร่างกายไม่ได้ทำให้ร่างกายสวยงามมากขึ้นแต่อย่างใด เครื่องประดับที่สวยงามก็ยังคงความสวยงามไว้ ไม่ได้แบ่งปันความสวยงามใดๆแก่ร่างกายใคร
การมองเห็นร่างกายที่ถูกประดับประดาว่าสวยงาม เป็นการถูกหลอกต่อสายตาของคนที่มีสติปัญญาธรรมดาสามัญเท่านั้น เพราะผู้มีปัญญาย่อมมองผ่านเครื่องประดับ เพื่อจะได้เห็นความงามที่มีอย่างแท้จริง
แท้ที่จริงแล้ว ความสวยงามที่มองเห็นได้ด้วยสายตา
จะปรากฏให้เห็นในผู้ที่มีรูปร่างที่ได้สัดส่วน ไม่ผอมไม่อ้วนเกินไป
รูปร่างที่ได้สัดส่วนทำให้ใครก็มองเห็นความสวยงามได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องประดับ ส่วนคนที่มีรูปร่างผอมเกินไปหรืออ้วนเกินไป
ต่อให้ประดับประดาด้วยเครื่องประดับเลิศหรูเพียงใด
ก็หาทำให้คนอื่นมองเห็นความสวยงามของเรือนร่างแห่งตนไม่ รูปร่างที่สวยงามไม่ได้มีได้ด้วยการใช้เครื่องประดับ แต่มีได้ด้วยการรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ-การออกกำลังกายอย่างพอดีและสม่ำเสมอ
วัยเรียนเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อในการสร้างโครงสร้างรูปร่างที่สวยงามและสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งจะมีผลสืบเนื่องยาวนานไปตลอดชีวิต
ลูกจึงควรให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะและหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
แต่ว่าในบรรดาเครื่องประดับทั้งหลายในจักรวาล
ไม่มีเครื่องประดับใดที่ประเสริฐเลิศล้ำเท่ากับ "คุณงามความดี" คุณงามความดีเป็นเครื่องประดับที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เพียงแต่คนสวยงามขึ้นได้ เป็นเครื่องประดับที่ทำให้โลกน่าอยู่
เป็นเครื่องประดับที่ทำให้สสารและสิ่งมีชีวิตมีคุณค่า
เป็นเครื่องประดับที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ร่วมกันได้อย่างเกื้อกูล
เป็นเครื่องประดับที่ทำให้คนที่ไม่รู้จักกันเกิดความรักใคร่เลื่อมใสศรัทธากัน
เป็นเครื่องประดับที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยทุกสถานะอาชีพ-เป็นที่ปรารถนาของกันและกัน-แม้พรากจากกันก็ยังอาลัยใคร่คิดถึง
เป็นเครื่องประดับที่ทำให้ชีวิตเจริญก้าวหน้า
เป็นเครื่องประดับที่ให้คุณประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น
เป็นเครื่องประดับที่ใครๆก็ไม่อาจลักขโมยไปได้นอกเสียจากว่าเราจะละทิ้งไปเอง
เป็นเครื่องประดับที่ไม่ต้องซื้อหาหรือมอบให้แก่กันได้
แต่ต้องสร้างต้องทำด้วยตนเอง
และต้องรักษาไว้ด้วยจิตใจที่ดีงามเท่านั้น
คนที่มีฐานะร่ำรวย-มีเครื่องประดับราคาแพง
แต่ถ้ามีความประพฤติชั่วช้าเลวทรามย่อมเป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ของผู้อื่น
๒.การเสริมความงาม ไม่มีความจำเป็น-ความถูกต้องชอบธรรมใดๆ
ที่วัยเรียนจะต้องเสริมสวย-เสริมความงาม
เพราะการกระทำเช่นนั้นก็เพื่อให้คนอื่นมองเห็นเราว่ามีความสวยงาม ดึงดูดเพศตรงข้าม เป็นการทำให้เราภาคภูมิใจในความสวยงามของตัวเอง
แต่ทว่าวัยนี้เป็นช่วงชีวิตที่สำคัญที่สุดที่จะสร้างเสริมพื้นฐานชีวิตที่เจริญก้าวหน้า-มั่นคงและแข็งแรง มีสติปัญญามีความรู้-ทักษะ-ความสามารถ ปลูกฝังความคิดนิสัยใจคอที่ดีมีคุณธรรม ไม่ควรมามัวเสียเงิน-เสียเวลาไปกับการทำเรื่องไร้สาระอันเปล่าประโยชน์ใดๆ
นับว่าเป็นการกระทำที่โง่เขลาของคนไม่มีความคิด
คนที่ผ่านโลกมานานและมีความคิดต่างยอมรับว่า ความเยาว์วัย
นั่นแหละคืออุปกรณ์เสริมความสวยงามให้แก่รูปกายได้อย่างแท้จริง
ซึ่งธรรมชาติได้จัดสรรมาให้ทุกคนอย่างถ้วนหน้าและเท่าเทียมกัน และในขณะเดียวกัน เวลา
ก็พรากความเยาว์วัยไปจากทุกคนอย่างถ้วนหน้าและเท่าเทียมกัน ในความเร็วที่เท่ากัน
ในบรรดาสินค้าเสริมความงามทั้งหลาย
ที่ดึงดูดใจที่สุดจึงเป็นสินค้าที่รักษา-คงสภาพความเยาว์วัยเอาไว้
แต่นั่นก็เป็นเพียงสินค้าที่สร้างได้เพียงมายาภาพเท่านั้น หาได้สามารถรักษา-คงความเยาว์วัยที่แท้จริงเอาไว้ได้แต่อย่างใดไม่
เพราะไม่มีใครหรือสิ่งใดที่สามารถหยุดเวลาได้
จึงไม่มีใครสามารถเอาชนะความเสื่อมสิ้นไปแห่งสังขารได้ ไม่ว่าอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต
แต่ในบรรดาสิ่งเสริมความงามทั้งหลายในโลก
นักปราชญ์ต่างยกย่อง "ปัญญา" ว่าเป็นสุดยอดแห่งสิ่งเสริมความงามที่ดีที่สุด
คนเราจะมีเสริมความงามชนิดนี้ได้ต้องขยันศึกษาหาความรู้-พัฒนาความคิด-อบรมจิตใจ
คนที่เฉลียวฉลาด-มีความรู้-มีสติปัญญาอย่าว่าแต่นักปราชญ์เลย
แม้แต่คนธรรมดาที่พบเห็นต่างก็ต้องประทับใจในความงามแห่งปัญญาของบุคคลผู้นั้น
๓.
ความต้องการรับประทานอาหารที่เลิศหรู
อาหารที่เลิศหรูมักมีการปรุงแต่งที่ประณีต-มาจากต่างประเทศ-มีราคาแพง ถ้าเป็นผัก-ผลไม้ก็ต้องออกนอกฤดูอันเป็นกระบวนการทางเคมีที่ผิดธรรมชาติ
อาหารเลิศหรูที่นิยมแพร่หลายมักเป็นอาหารที่ถูกเรียกว่า“อาหารขยะ“ อาหารประเภทนี้มีคุณค่าทางอาหารที่ขาดแคลน
ไม่ครบหมู่
มีสารอาหารไม่ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ
มิหนำซ้ำยังมีราคาแพง
เพราะมีการตกแต่งให้ดูสวยงาม-มีรสชาติอร่อย-จำหน่ายในห้างร้านที่หรูหราทันสมัย
การรับประทานอาหารเหล่านี้เป็นประจำจะเป็นโทษแก่ร่างกาย-นำมาซึ่งปัญหาภาวะทุพโภชนา
อันทำให้สุขภาพร่างกายเสื่อมโทรม-เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมาภายหลัง ผัก-ผลไม้ที่ออกนอกฤดูมักผ่านกระบวนการใช้สารเคมีที่มีอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย แต่ที่มีการทำให้เป็นเช่นนั้น เพราะผัก-ผลไม้นอกฤดูมักมีราคาแพง สร้างผลกำไรให้แก่เกษตรกรผู้ผลิต-ผู้จำหน่ายได้มาก
อาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายไม่ต้องเลิศหรูหรือมีราคาแพง ของเพียงแค่มีสารอาหารที่ครบ ๕ หมู่ มีความสะอาด-ถูกสุขอนามัย
ซึ่งมีหลากหลายให้เลือกหาตามฤดูกาล
ลูกควรอุดหนุนผลผลิตในท้องถิ่นจะดีกว่า
กล่าวโดยสรุป ค่านิยม “บริโภคนิยม/นิยมวัตถุ“ เป็นสิ่งที่สนองความมั่งคั่งให้แก่นักธุรกิจ
เป็นสิ่งที่สนองกิเลสตัณหาของคนมีเงินที่มัวเมาในวัตถุ แต่ขณะเดียวกัน กลับเป็นสิ่งที่สร้างความยากลำบากให้แก่ผู้บริโภคโดยเฉพาะคนที่มีทุนทรัพย์น้อย
เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของคนในโลกตั้งแต่ยุคอุตสาหกรรมเป็นต้นมา ก่อให้เกิดความแตกต่างของความเป็นอยู่ในหมู่คน
ก่อให้เกิดช่องว่างระหว่างสถานะทางการเงินของคนมั่งมีกับคนยากจนที่กว้างขึ้น-ห่างไกลกันมากขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญ
ค่านิยมนี้ทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างฟุ่มเฟือยไม่บันยะบันยัง
ทำให้สิ่งแวดล้อมถูกทำลาย-เกิดมลพิษทั้งในน้ำ-อาหาร-อากาศ แล้วยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนที่สร้างปัญหาใหญ่แก่สรรพชีวิตบนโลก
โดยแท้ที่จริงแล้ว การดำเนินชีวิตที่มีความอยากมีอยากเป็นน้อย
มีความกระเสือกกระสนดิ้นรนน้อย มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ ไม่ใช้จ่ายเกินตัว-เกินความจำเป็น
ไม่แสวงหาสิ่งที่ยากเกินความสามารถของตน
จะเป็นชีวิตที่มีความเดือดเนื้อร้อนใจน้อย ไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
ไม่รู้สึกว่าเหนือกว่าใคร-ด้อยกว่าใคร
และกลับจะเป็นชีวิตที่มีความสงบสุข สบายอกสบายใจมากยิ่งกว่า
ซึ่งสภาพเช่นนั้นไม่เกินความสามารถที่คนทั่วไปจะทำให้มีแก่ชีวิตของตนได้
ไม่ใช่สิ่งที่ยากลำบากที่จะทำให้เป็นไปได้ในสังคม ขึ้นอยู่กับว่าคนเราจะมีสติปัญญาเพียงพอหรือไม่ มีความโง่เขลาเมามัวมากน้อยเพียงใด
มีความเข้าใจในสัจธรรมและมีความมุ่งมั่นที่จะไม่ใจอ่อนคล้อยตามกระแสนิยมแห่งความฟุ้งเฟ้อได้มากน้อยเพียงใด
พ่อหวังว่า
ลูกจะอ่านด้วยความตั้งใจ
และนำไปพินิจพิจารณาด้วยสติปัญญา
มองดูโลกแห่งความจริงผ่านการปลดเปลื้องเปลือกตมแห่งมายาการที่คนโง่เขลาเมามัวได้สร้างขึ้นและหลงคล้อยตาม
โดยที่ลูกสามารถนำคำแนะนำของพ่อไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสิ่งอื่นๆที่พ่อไม่ได้กล่าวถึงได้ เพื่อที่ชีวิตของลูกจะได้ไม่มีปัญหาเพราะค่านิยมผิดๆเหล่านี้
แล้วพ่อจะหาโอกาส
แนะนำถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อลูกในการดำเนินชีวิตในครั้งต่อๆไป
โดยที่ลูกไม่ต้องไปเสียเวลา-เสียความรู้สึก-เสียอกเสียใจในการลองผิดลองถูกเอาเอง
๏ เงินและเวลา มีค่า ต่างกันที่
เงินใช้แล้วหาใหม่ได้
แต่เวลาใช้แล้ว หามาทดแทนไม่ได้
๏ เงินและเวลา มีค่า เหมือนกันที่
คนฉลาดใช้แล้ว ชีวิตเจริญก้าวหน้า
ส่วนคนโง่ใช้แล้ว ชีวิตตกต่ำเสื่อมทรามลง
ด้วยรัก
จาก พ่อ
๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๕
จาก พ่อ
๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น