๏ ล้วนแต่คน มีดวงตา (มา)ศึกษาธรรม......................."เกิดดวงตา เห็นธรรม" ทำไฉน?
ปฏิบัติ จนแก่เฒ่า ว่าเข้าใจ(ธรรม)..........................แต่เหตุใด มีกิเลส ล้นเจตนา?
๏ (เพราะ)น้อยคนนัก จักคล้อยตาม ธรรมวินัย..............น้อมฤทัย ให้งาม ตามสิกขา
(ไม่)ประพฤติดี อริยสัจ ตามศาสดา........................มือถือสาก ปากคาบตำรา ประสบการณ์(ที่เคยเห็น)
๏ (เมื่อรู้)เห็นวิถี ชีวัน อันถูกต้อง(ไตรลักษณ์)..............ความไม่เที่ยง(แท้)-ทุกข์ข้อง กองสังขาร
สรรพสิ่ง หาใช่ตน-ของตนปาน..............................เบื่อ(หน่าย)ทะเยอ ทะยาน ตัณหามี
๏ ราคะ-โลภ-ร้าย-หลง ทรงกระมล.............................เป็นบ่อเกิด อกุศล ต้น(เหตุกรรม)บัดสี
ประจักษ์แจ้ง จนจิตใจ เลิกใยดี..............................คือประตู สู่วิถี นิรามัย(นิรามัย=เป็นสุข)
๏ สละความ กระหาย ในรูป-รส..................................กลิ่น-เสียง-สัม ผัสหมดจด ปลดฝันใฝ่(กามตัณหา)
(แม้)ลาภ-ยศ-สรร เสริญมี บ่ดีใจ(ไม่ยินดี)................ยามเสื่อมสิ้น มิยินร้าย อยาก(ให้)ไม่เป็น(วิภวตัณหา)
๏ อยู่ในความ สงบ ประสบสันติ์.................................ดวงฤดี มิไหวหวั่น สั่นคลอนเร้น
ดั่งศิลา สิงขร มิอ่อนเอน........................................ตามแรงลม อุดมเด่น เป็นนิรันดร์
๏ ฤทัยที่ มิอาลัย ในสรรพสิ่ง....................................จะสงบนิ่ง แน่วแน่ บ่แปรผัน
ย่อมหลุดพ้น โลกา ณ ปัจจุบัน................................มิตองรอ อาสัญ หลังวันวาย
๏ มีชีวิต (แต่)ไม่ติดใจ ในชีวิต...................................มีความคิด (แต่)ไม่คิดทำ (ชั่ว)ทรามขวนขวาย
มีความรู้ (แต่)ยังใฝ่รู้ บ่ดูดาย...................................มีเวลา (แต่)ละเมามาย ในชีพชนม์
๏ บ่มีผู้ ตกต่ำ เพราะ(ปฏิบัติตาม)ธรรมวินัย..................บ่มีความ ล้าสมัย ในมรรคผล
บ่มีใคร ไร้อนาคต เพราะอดทน................................บ่พิสุทธิ์ หลุดพ้น ในคนพาลฯ
๙ กันยายน ๒๕๖๔
*พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น