๏ กิเลส ตัณหา อัตตามี........................................บ่อยครั้ง บางที มอง(ตัวเอง)มิเห็น
(เพราะ)ทุกคืน ทุกครัน ประจัญเจน....................จนเป็น ปกติ นิตยา
๏ บางครั้ง ต้องลอง มองคนอื่น..............................(ที่)กระเหี้ยน กระหื่น กระหายหา
(เกิด)เปลี่ยนแปลง แสดงออก ทางหน้า-ตา........กิริยา อาการ อันโสมม
๏ มองเห็น ความโลภ ที่โอบรัด..............................(ความ)กำหนัด อัด(แน่น)มนา ราคะสม
หน้ามืด ตามัว รัวระดม.....................................จู่จม ถมสิ้น (จิตสำนึก)ซึ่งศีลธรรม
๏ ความเห็น แก่ตัว เต็มหัวจิต.................................อำมหิต อิจฉา บ้าระห่ำ
สันดาน ใจร้าย ฤทัยดำ.....................................ครอบงำ สำเร็จ เจตจำนง
๏ น้อยนัก จักตรอง จนมองเห็น..............................ว่าเป็น เภทภัย (หา)ใช่อานิสงส์
สัญชาต (ตะ)ญาณเถื่อน เกลื่อนธำรง.................มั่นคง จงใจ ใคร่ดำเนิน
๏ (โมหะ)หลงใหล ไม่รู้ สิดูยาก..............................ยิ่งหาก นิสัย ใฝ่(ทำอะไร)ผิวเผิน
ชอบพอ บ่เบื่อ เมื่อเผชิญ.................................เพลิดเพลิน จริต อวิชชา
๏ กล่าวใย ไร้สลด กฎแห่งกรรม.............................บาปบุญ คุณธรรม ความต่ำช้า
ที่มอง ไม่เห็น เด่นสายตา.................................ใครศรัทธา ว่าโง่,โอ้อวดตน(ว่าฉลาด)
๏ จนกว่า หทัยพร้อม สิยอมรับ(มีบุญ).....................(มองเขา)ย้อนกลับ จับตา อุราล้น
กิเลส ตัณหา สาละวน.......................................เสียผู้ เสียคน จนโศกตรม
๏ (เห็น)ความผิด (ของ)คนอื่น ดื่นภูเขา...................ความผิด ของเรา เท่าเส้นผม
กิเลส ตัณหา เต็มอารมณ์...................................โง่งม ถมทับ มิอับอายฯ
๖ กันยายน ๒๕๖๔
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น