๏ ความรัก ที่มากมี กองกิเลส.............................ย่อมล้น ต้นเหตุ อกุศล(อกุศลมูล)*
ชั่วบาป หยาบช้า ทุรมน................................ท่วมท้น เพิ่มพูน มิสูญ(สิ้น)ไป
๏ เมื่อมี(บาป) สาเหตุ แห่งทุกขา........................สิควร บูชา (ความ)รัก(นั้น)หาไม่
(เพราะ)สร้างความ ยุ่งยาก ลำบากใจ..............มาให้ ไม่เว้น เป็นประจำ
๏ โลภะ(ราคะ) โทสะ และโมหะ..........................คือโอฆะ (แห่งความ)เศร้าโศก ตกต่ำ(โอฆะ=ห้วงน้ำ)
แก่ผู้ หลงใหล ให้ระกำ..................................ชอกช้ำ กำสรด จรดฤดี
๏ (ยามอยาก)เอาอก เอาใจ ให้คนรัก...................ก็มัก ถนัด ทำ(บาป)บัดสี(เพราะกิเลส)
ครั้นเห็น แก่ตัว ชั่วราคี...................................(ก็)ย่ำยี คนรัก ได้ดักดาน
๏ หากแม้น ไม่สม ภิรมย์รัก.................................ระยำ กรรมจัก ทำหักหาญ
ฉกาจ อาชญา ทารุณดาล...............................สงสาร แต่ตน(เอง) มิสนใจ(คนอื่น)
๏ ใครหวัง สร้างรัก ที่บริสุทธิ์..............................จงหยุด กิเลส อาเพศไส
อย่าเห็น แก่ตน ปะปนใจ.................................อย่าให้ อธรรม นำฤดี
๏ แม้นมาด ปรารถนา รักบริสุทธิ์..........................จงหยุด(เลิก) มองกิเลส(และความเห็นแก่ตัว) เจตบัดสี
ประดุจ (เรื่อง)ธรรมดา นรามี............................หาใช่ สิ่งที่ พึงพิจารณ์(ไม่ควรต่อว่า-ตำหนิ-กำจัด)
๏ (วน)เวียนว่าย ในรัก หลากกิเลส.......................มิอาจ ปฏิเสธ วัฏสงสาร(วนเวียนในความทุกข์)
(มี)น้อยสุข ทุกข์มาก ยุ่งยากนาน.....................ทรมาน ทรภินท์ ชีวินเอยฯ
๒๔ กันยายน ๒๕๖๔
*กิเลส (เครื่องทําใจให้เศร้าหมอง)=อกุศลมูล ๓ (รากเหง้าของอกุศล, ต้นตอของความชั่ว)
๑. โลภะ (ความอยากได้)๒. โทสะ (ความคิดประทุษร้าย)
๓. โมหะ (ความหลง)
1. โลภะ (ความอยากได้)
2. โทสะ (ความคิดประทุษร้าย)
3. โมหะ (ความหลง, ความไม่รู้, ความเขลา)
4. มานะ (ความถือตัว)
5. ทิฏฐิ (ความเห็นผิด)
6. วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย, ความเคลือบแคลง)
7. ถีนะ (ความหดหู่, ความท้อแท้ถดถอย)
8. อุทธัจจะ (ความฟุ้งซ่าน)
9. อหิริกะ (ความไม่ละอายต่อความชั่ว)
10. อโนตตัปปะ (ความไม่เกรงกลัวต่อความชั่ว)
สิบอย่างนี้ ในบาลีเดิมเรียกว่า กิเลสวัตถุ (สิ่งก่อความเศร้าหมอง) 10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น