ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2564

ความรักที่บริสุทธิ์ : กลอนคติสอนใจ










ความรักที่บริสุทธิ์ : กลอนคติสอนใจ

    ความรัก ที่มากมี กองกิเลส.............................ย่อมล้น ต้นเหตุ อกุศล(อกุศลมูล)*

ชั่วบาป หยาบช้า ทุรมน................................ท่วมท้น เพิ่มพูน มิสูญ(สิ้น)ไป


    เมื่อมี(บาป) สาเหตุ แห่งทุกขา........................สิควร บูชา (ความ)รัก(นั้น)หาไม่

(เพราะ)สร้างความ ยุ่งยาก ลำบากใจ..............มาให้ ไม่เว้น เป็นประจำ

 

    โลภะ(ราคะ) โทสะ และโมหะ..........................คือโอฆะ (แห่งความ)เศร้าโศก ตกต่ำ(โอฆะ=ห้วงน้ำ)

แก่ผู้ หลงใหล ให้ระกำ..................................ชอกช้ำ กำสรด จรดฤดี


    (ยามอยาก)เอาอก เอาใจ ให้คนรัก...................ก็มัก ถนัด ทำ(บาป)บัดสี(เพราะกิเลส)

ครั้นเห็น แก่ตัว ชั่วราคี...................................(ก็)ย่ำยี คนรัก ได้ดักดาน

 

    หากแม้น ไม่สม ภิรมย์รัก.................................ระยำ กรรมจัก ทำหักหาญ

ฉกาจ อาชญา ทารุณดาล...............................สงสาร แต่ตน(เอง) มิสนใจ(คนอื่น)

 

    ใครหวัง สร้างรัก ที่บริสุทธิ์..............................จงหยุด กิเลส อาเพศไส

อย่าเห็น แก่ตน ปะปนใจ.................................อย่าให้ อธรรม นำฤดี


    แม้นมาด ปรารถนา รักบริสุทธิ์..........................จงหยุด(เลิก) มองกิเลส(และความเห็นแก่ตัว) เจตบัดสี

ประดุจ (เรื่อง)ธรรมดา นรามี............................หาใช่ สิ่งที่ พึงพิจารณ์(ไม่ควรต่อว่า-ตำหนิ-กำจัด)


    (วน)เวียนว่าย ในรัก หลากกิเลส.......................มิอาจ ปฏิเสธ วัฏสงสาร(วนเวียนในความทุกข์)

(มี)น้อยสุข ทุกข์มาก ยุ่งยากนาน.....................ทรมาน ทรภินท์ ชีวินเอยฯ


๒๔ กันยายน ๒๕๖๔


*กิเลส (เครื่องทําใจให้เศร้าหมอง)=อกุศลมูล ๓ (รากเหง้าของอกุศล, ต้นตอของความชั่ว)

       ๑. โลภะ (ความอยากได้)
       ๒. โทสะ (ความคิดประทุษร้าย)
       ๓. โมหะ (ความหลง)

หมายเหตุของผู้เขียน
กิเลส เราได้ยินได้เรียนมาแต่ไหนแต่ไรว่า มี 3 อย่าง คือ โลภะ(ราคะ) โทสะ โมหะ
แต่ถ้าค้นหาในพจนานุกรมพุทธศาสนา จะไม่มี กิเลส 3 มีแต่ กิเลส 10 
กิเลส 10 (สภาพที่ทำให้จิตเศร้าหมอง)
       1. โลภะ (ความอยากได้)
       2. โทสะ (ความคิดประทุษร้าย)
       3. โมหะ (ความหลง, ความไม่รู้, ความเขลา)
       4. มานะ (ความถือตัว)
       5. ทิฏฐิ (ความเห็นผิด)
       6. วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย, ความเคลือบแคลง)
       7. ถีนะ (ความหดหู่, ความท้อแท้ถดถอย)
       8. อุทธัจจะ (ความฟุ้งซ่าน)
       9. อหิริกะ (ความไม่ละอายต่อความชั่ว)
       10. อโนตตัปปะ (ความไม่เกรงกลัวต่อความชั่ว)

       สิบอย่างนี้ ในบาลีเดิมเรียกว่า กิเลสวัตถุ (สิ่งก่อความเศร้าหมอง) 10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น