วิมุตติสมัย : กลอนเจ็ด
๏ ฝนริน ยินร่ำ
แทรกความสงัด........................สัมผัส รัชนี วิเวกไหว
ผสาน เสียงหรีด
หริ่งเรไร.............................กลิ่นไอ เย็นชื้น รื้นฤดี
๏ ปลดเปลื้อง ปมทุกข์
มิซุกอก.......................หยุดยก ปริเยศ เลศสุขี(ปริเยศ=ที่รัก)
จิตร้าง ว่างเปล่า
ราวไม่มี..............................กายี มิยล กลอัตตา
๏ ปิดการ ปรุงแต่ง
แปลงกิเลส........................ปฏิเสธ สารพัน ปวงตัณหา
รู้สึก หลุดพ้น
ล้นพันธนา...............................อิสรา ปริสุทธิ์ ดุษณี
๏ ไม่เห็น แก่ตัว=เปิดหัวใจ.............................ก้าวไป
ใกล้สัจจ์ มนัสศรี
ซาบซึ้ง
ถึงผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี.............................รัศมี ศีลธรรม ผ่องอำไพ
๏ เมื่อมิ ระคน
มลทินโลกย์............................ย่อมมิ วิโยค เศร้าโศกไส
โลกีย์ วิจิตร
ไม่ติดใจ...................................ย่อมไร้ โซ่ล่าม ความผูกพัน
๏ เข้าถึง วิถี
วิมุตติธรรม.................................พ้นความ ลำเค็ญ เป็นสุขสันติ์
สยบสิ้น ดิ้นรน
จลชีวัน.................................จิตพลัน สงบ ประสบพี
๏ ไร้การ รันทด และอดอยาก..........................ลำบาก
หลากหาย ไคลบัดสี
ดวงแด แน่-นิ่ง
ยิ่งสุรีย์..................................สุกสี แสงผ่อง ส่องพิไล
๏ ฝนคง ลงริน ไร้สิ้นสุด.................................แต่งจิต ติดจุด วิมุตติสมัย
พ้นความ ทุกข์ท้อ
ทรมานใจ..........................พ้นความ กระหาย ใดๆเอยฯ
๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น