ควบคุมใจ-ควบคุมโลก : กลอนเปล่า
๏ ตื่นจากนิทรา....ณ เพลารุ่งสาง
แสงสีน้ำเงินรางๆ
ส่องผ่านหน้าต่างกระจ่างทั่วห้อง
เสียงวิหคขับขาน
กังวานปานระฆังทอง
สติสัมปชัญญะฟุ้งฟ่อง
ล่องลอยคล้อยคืนอัตตา
๏
อำลาโลกแห่งความฝัน....มาประจัญโลกแห่งความจริง
อันควรยำเกรงอย่างยิ่ง
เพราะสรรพสิ่งล้วนปรวนแปรควบคุมไม่ได้
จำเป็นต้องปรับตัว
ต้องตื่นตัวและหัวใจ
ความฝันทั้งหลายใดๆ
ต่างต้องแก้ไขให้สอดคล้องพ้องความเป็นจริง
๏
เมื่อมองดูโลกทั้งใบ....ก็จะมองไม่เห็นใครสักคน
โลกยิ่งใหญ่เสียจน
คนต้องเตือนกมลว่า..อย่าคำแหง
อันความรู้สึกนึกคิด
ความปรารถนาของจิตที่กล้าแกร่ง
คราใดเมื่อได้สำแดง
แฝงอยู่ชั่วครู่ค่อยเลือนลับหาย
๏ ก็โลกยิ่งใหญ่ใบนี้
หาใช่โลกที่เป็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
ทุกสิ่งที่เห็น
ทุกอย่างที่เป็นจึง ยากจะพึงใจของใครแม้สักคน
กฎเกณฑ์ของโลกไม่เปลี่ยนผัน
กฎเกณฑ์ของชีวันไม่แปลงปรน
ประสาโลกียวิสัยวุ่นวายสับสน
ไม่สมเหตุสมผล อลหม่าน
๏ เพราะความต้องการที่แตกต่างของผู้คน
โลกยิ่งวิกฤติวิกลจนเป็นธรรมดา
พื้นฐานสัญชาตญาณสัตว์ที่หยาบช้า
ไม่คณนาต่อการประหัตประหาร
ความเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง
ความดันทุรังเป็นสันดาน
โลกีย์ที่สุขศานติ์
จึงเป็นเพียงวิมานลมๆแล้งๆ
๏ เมื่อสิ่งที่เป็นผลลบ มากระทบกับชีวิต
ปรารมภ์วิกรมจริต
ประคับประคองจิตใจให้หนักแน่น(วิกรม=ก้าวไปด้วยความกล้าหาญ)
แก้ไขได้ก็แก้ไข
แก้ไม่ได้ก็อย่าไปคับแค้น
บนธรณินดินแดน
สิ่งที่แม้นมีก็เหมือนไม่มี
สิ่งที่ไม่มีก็เหมือนมี
๏ เมื่อควบคุมโลกย์ไม่ได้
มาควบคุมใจตัวเองดีกว่า
ควบคุมความรู้สึกในอุรา
ควบคุมอารมณ์ผสมผสาน
เมื่อสัมผัสสิ่งที่โลกย์เป็น
แต่หาได้เป็นดั่งที่ต้องการ
ปล่อยวาง...ช่างมัน
คิดอ่านการอื่นอย่าฝืนฤดี
๏ เมื่อควบคุมจิตใจของตนได้
โลกทั้งใบก็ไม่คณามือ
เมื่อไม่ยึดติดยึดถือ
สรรพสิ่งหรือก็ไม่ระคายเข็ญ
เมื่อความกระสันสงบ
ทั่วทั้งพิภพพลันบรรจบเย็น
เมื่อทำจิตใจภายในให้เพ็ญ(เพ็ญ=เต็ม)
ความเป็นอยู่ของชีวี
ย่อมสุขีนิรันดร ฯ
๑๘ สิงหาคม
๒๕๕๖
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น