ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ความสำเร็จ เหตุและผล : กลอนคติสอนใจ



ความสำเร็จ เหตุและผล : กลอนคติสอนใจ

    ทั้งลม ท้้งฝน อลหม่าน................................พายุ พัดผ่าน หลังพรรษา

ทั้งเหน็บ ทั้งหนาว ร้าวอุรา...........................(ใส่)เสื้อผ้า หนาผืน ฝืนผจญ


    วิหค ขับขาน กันเกรียวกราว..........................เมื่อคราว เบาบาง ร้างสายฝน

แต่ทว่า ประเดี๋ยว กลับเปลี่ยวกมล.................ทั้งฝน ทั้งลม โถม(มา)อีกครา

 

    ชีวิต คิดไป ใคร(มีความ)สามารถ?.................ความสำเร็จ เด็ดขาด ล้วนวาสนา(เป็นสำคัญ)

เฉกเช่น ชะตากรรม ที่นำพา..........................ประสม ความอุตสาห์ ณ ปัจจุบัน


    หากใคร ไม่มี (บุญ)ที่ทำ(ไว้)ก่อน...................(ต่อให้)เดือดร้อน ดิ้นรน จนอาสัญ

ก็หา ได้มี ชีวิตอัน.........................................สมใจ หมายมั่น บันดาลดล


    หากแม้น มีบุญ หนุนนำส่ง.............................สร้างทำ จำนง ประสงค์ผล

(ย่อม)สำเร็จ สมใจ ในเจตจล..........................ขณะคน อื่นใคร่(ความสำเร็จ) ได้แค่มอง


    ทำบุญ สุนทาน แข็งขันเถิด...........................บังเกิด ประเสริฐผล ดลเจ้าของ

ความตระหนี่ มิใช่ (วิธี)ให้สมปอง.....................เรืองรอง ผ่องแผ้ว แกล้วตระการ

 

    เว้นทำ กรรมชั่ว พัวพันเถิด............................มิเกิด ประโยชน์ให้ โทษไพศาล

อย่าทุจริต คิดร้าย ใคร่อันธพาล........................(สิ)พบพาน ผลสนอง ต้องโศกตรม


    อย่าคิด ว่ากู รู้ทุกอย่าง...................................(คิดว่า)สร้างบาป สร้างกรรม สิ้น(ผล)ทรามสม

กฎแห่ง เวรกรรม=ความโง่งม............................(ใครคิดเช่นนั้น)สิต้อง เศร้าซม จมอบายฯ


๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๕


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต

คาถาธรรมบท พาลวรรคที่ ๕

.....

คนพาลมีปัญญาทราม มีตนเหมือนข้าศึก
                          เที่ยวทำบาปกรรมอันมีผลเผ็ดร้อน บุคคลทำกรรมใดแล้วย่อม
                          เดือดร้อนในภายหลัง กรรมนั้นทำแล้วไม่ดี บุคคลมีหน้า
                          ชุ่มด้วยน้ำตา ร้องไห้อยู่ ย่อมเสพผลของกรรมใด
                          กรรมนั้นทำแล้วไม่ดี บุคคลทำกรรมใดแล้ว ย่อมไม่เดือดร้อน
                          ในภายหลัง กรรมนั้นแลทำแล้วเป็นดี บุคคลอันปีติโสมนัส
                          เข้าถึงแล้ว [ด้วยกำลังแห่งปีติ] [ด้วยกำลังแห่งโสมนัส]
                          ย่อมเสพผลแห่งกรรมใด กรรมนั้นทำแล้วเป็นดี คนพาล
                          ย่อมสำคัญบาปประดุจน้ำหวาน ตลอดกาลที่บาปยังไม่ให้ผล
                          แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น...ฯลฯ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น