ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ติดใจโลกคือโชคร้าย : กลอนจรรโลงใจ



ติดใจโลกคือโชคร้าย : กลอนจรรโลงใจ

    พลันโลกา พ้นราตรี มีกลิ่น(หอม)กรุ่น....................รุ่งอรุณ พูนพอก หมอกสีขาว

หยาดน้ำค้าง กลางแสงทอง ส่องสกาว.................ดั่งหมู่ดาว เร้าเล่น เย็นสายลม


    แจ้วจำเรียง เสียงปักษี ดนตรีกล่อม.......................ดังแพร่พร้อม ล้อมป่า สวรรค์สม

(ชีวิต)สงบเย็น เป็นปัจเจก เอกอุดม......................เมื่อเหินห่าง สังคม วิกรมการ

 

    ความหลงใหล ติดใจโลก คือโชคร้าย....................การเวียนว่าย ตายเกิด เชิดสงสาร(วัฏ)

เสมือนต้อง คำสาป ตราบกาลนาน........................ให้พบพาน ทุกข์โศก โลกซานซม


    เลิกหลงใหล ในโลก เริ่มโชคดี..............................ไม่สุขี (กับการ)มีสังขาร เป็นขั้นปฐม

คือต้นทาง ความคิด อิฏฐารมณ์.............................พ้นทุกข์ทาง สั่งสม นิยมยอม


    (การ)มองเห็นภัย ในภพ-วัฏสงสาร..........................ส่งเสริมการ ขันแข็ง พลิกแพลงพร้อม

เมินโลกา ค่านิยม โสมมมอม.................................หทัยน้อม นับถือ โลกุตระ


    ช่วยให้การ ศึกษา อริยสัจ.......................................ไม่ติดขัด ตัดสินใจ ใคร่เสียสละ

ทิ้งทางโลก มุ่งทางธรรม นำชีวะ............................ไม่เสียดาย ไม่สะดุด หยุดพากเพียร

 

    บ่เกิดการ เรรวน เหหวนกลับ....................................อริยะรับ ปรับกมล อกุศลเหี้ยน

หยุดก่อทราม ทำดี ไร้ติเตียน.................................เลิกวนเวียน โลกีย์ อภิรมย์


    ความน้อมใจ ในปรมัต ถ(ะ)สัจจะ..............................เป็นตบะ ประเสริฐ เลอเลิศสม

คือโชคลาภ วาสนา สิทธาชม.................................(ส่วน)คนโง่งม คงไม่ เข้าใจเอยฯ(สิทธา=ฤษี)


๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๕


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต

อัฏฐานบาลี
[๑๕๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิ จะพึงยึดถือ สังขารไรๆ โดยความเป็นสภาพเที่ยงนั้น มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาสที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย แต่ข้อที่ปุถุชนจะพึงยึดถือสังขารอะไรๆ โดยความเป็นสภาพ เที่ยงนั้น เป็นฐานะที่จะมีได้ ฯ [๑๕๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิ จะพึงยึดถือ สังขารไรๆ โดยความเป็นสุขนั้น มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาสที่จะมีได้ ดูกรภิกษุ- *ทั้งหลาย แต่ข้อที่ปุถุชนจะพึงยึดถือสังขารไรๆ โดยความเป็นสุขนั้น เป็นฐานะ ที่จะมีได้ ฯ [๑๕๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิ จะพึงยึดถือ ธรรมไรๆ โดยความเป็นตนนั้น มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาสที่จะมีได้ ดูกรภิกษุ- *ทั้งหลาย แต่ข้อที่ปุถุชนจะพึงยึดถือธรรมไรๆ โดยความเป็นตนนั้น เป็นฐานะ ที่จะมีได้ ฯ
......ฯลฯ......

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น