ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ประเพณีย่ำยีธรรมวินัย : กาพย์ยานี๑๑

                                                                                                     ภาพจาก Google

ประเพณีย่ำยีธรรมวินัย : กาพย์ยานี๑๑


    รุ่งเช้า เราได้ยิน...............................เจ้าภาพกฐิน บ่นเบื่อว่า

กุศล (ละ)เจตนา................................แต่ปัญหา มีมากมาย


    ซื้อของ เข้ากองกฐิน........................ไม่จบ(ไม่)สิ้น จุกจิกหลาย

เหนื่อยยาก ลำบากกาย......................เดิน(ตากแดด)ขวนขวาย (กว่าจะ)ได้เงินมา

 

    ทอดกฐิน พิธีการ..............................(ไร้สาระ)น่ารำคาญ เป็นนักหนา

เข็ดหลาบ สาประอา...........................จะไม่มา (เป็นเจ้าภาพ)ทอดอีกที


    (คน)ส่วนใหญ่ (คง)ไม่รู้ว่า..................พิธีศาสนา(ศาสนพิธี) เวลานี้

หาใช่ พุทธพิธี...................................(แต่)เป็นคติ กิเลสชน(คติ=แบบอย่าง ,วิธี ,แนวทาง)


    (คนมากมาย)อาศัย พุทธศาสนา.........สนองอัตตา ตัณหาหน

ประโยชน์หา มาให้ตน........................บ่สนใจ วินัยธรรม


    มรรคผล และนิพพาน........................(เอาไว้)พูดเพื่อการ ดาล(คนมา)อุปถัมภ์

ประดิษฐ์ วิจิตรคำ(โกหก)....................ทำให้คน ล้นศรัทธา(หลงงมงาย)

 

    (บ้าง)ยกวัด ให้ญาติมิตร....................เข้าสิงสถิต ประโยชน์หา

บ้างเมา มั่วเหล้ายา.............................เสพราคะ ทะลักโลกีย์


    เข้าวัด(มากมายที่) อึดอัดจิต...............(เห็น)คนทุจริต ผิด(พุทธ)วิถี

กระทำ การย่ำยี..................................พุทธศาสนา เหลือคณาเอยฯ


๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒
พระพุทธานุญาตให้กรานกฐิน
	[๙๖] ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาค ทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะ
เหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลาย
ผู้จำพรรษาแล้วได้กรานกฐิน พวกเธอผู้ได้กรานกฐินแล้ว จักได้อานิสงส์ ๕ ประการ คือ
		๑. เที่ยวไปไหนไม่ต้องบอกลา
		๒. ไม่ต้องถือไตรจีวรไปครบสำรับ
		๓. ฉันคณะโภชน์ได้
		๔. ทรงอติเรกจีวรไว้ได้ตามปรารถนา
		๕. จีวรอันเกิดขึ้น ณ ที่นั้นจักได้แก่พวกเธอ
	ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ ๕ ประการนี้ จักได้แก่เธอทั้งหลายผู้ได้กรานกฐินแล้ว.
วิธีกรานกฐิน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แล สงฆ์พึงกรานกฐินอย่างนี้ คือภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศ ให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติทุติยกรรมวาจา ว่าดังนี้:-
กรรมวาจาให้ผ้ากฐิน
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ผ้ากฐินผืนนี้เกิดแล้วแก่สงฆ์ ถ้าความพร้อมพรั่ง ของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงให้ผ้ากฐินผืนนี้แก่ภิกษุมีชื่อนี้ เพื่อกรานกฐิน นี้เป็นญัตติ ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ผ้ากฐินผืนนี้เกิดแล้วแก่สงฆ์ สงฆ์ให้ผ้ากฐิน ผืนนี้แก่ภิกษุมีชื่อนี้เพื่อกรานกฐิน การให้ผ้ากฐินผืนนี้แก่ภิกษุชื่อนี้ เพื่อกรานกฐิน ชอบ แก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงพูด ผ้ากฐินผืนนี้ สงฆ์ให้แล้วแก่ภิกษุมีชื่อนี้ เพื่อกรานกฐิน ชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้ ด้วยอย่างนี้.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น