๏ (เพิ่ง)เข้าไปดู กุฏิ พระผู้ใหญ่............................ช่างไฉไล หรูหรา ต้องตาฉัน
(เอา)เงินวัดวา มาสร้าง แทบทั้งนั้น....................ของใช้จัด คัดสรรค์ สิ่งอันดี(มีค่าราคาแพง)
๏ ทั้งห้องนอน ห้องครัว ห้องรับแขกฯลฯ...............มิต่างแตก ผิดแผกเหล่า ชาวบ้านชี้
โต๊ะกินข้าว ตู้เย็นฯลฯ* เห็นครบมี......................ทั้งนารี รับใช้ ให้บริการ(ยังมีหญิงรับใช้ด้วย)
๏ บ่ริษยา พระที่ มีความสุข(สบาย).......................แค่คิดฉุก(ฉุกคิด) ถูกต้อง คลองธรรมขาน?
นี่นะหรือ คือบวชเอื้อ เพื่อนิพพาน?...................อยู่(อย่าง)สำราญ เลิศล้ำ กามคุณ
๏ ชาวบ้านยัง (ต้อง)หาเช้า ข้าวกินค่ำ...................ตากแดด(หน้า)ดำ ทำงาน ดาลหัวหมุน
เงินที่หา มาได้(ยากลำบาก) ใคร่เจือจุน.............เนื้อนาบุญ พุทธศาสน์ ด้วยศรัทธา
๏ สอนชาวบ้าน ให้หมั่นละ ตัณหา-เกลศ...............พระผู้เทศน์(กลับ) ล้นกิเลส และตัณหา(เกลส=กิเลส)
ดวงฤดี มิตรงไป ไม่ตรงมา...............................ทำ(ตัว)เป็นเหลือบ ศาสนา แฝงหากิน
๏ ควรหรือปลง ส่งเสริมพระ พวกกาฝาก?..............กิเลส(ตัณหา)มาก กว่าเรา เมาถวิล
หลอกลวงโลก บกพร่อง ส้อง(เสพ)ราคิน...........แทนที่จะ (ทำมา)หากิน เช่นวิญญู
๏ นี่มิใช่ (พุทธ)ศาสนา เนื้อนาบุญ........................(หาก)แต่คือพาล มานสถุล หมกมุ่นสู่
โลก(แห่ง)โลกีย์ วิสัย อาลัย "กู"........................และ"ของกู" อยู่เสมอ ; อย่าเผลอใจ
๏ บริจาค ทำบุญ หนุนลวงหลอก..........................บำรุงพุทธ (ธะ)ศาสนาดอก (ขอ)บอกมิใช่
(พระที่)ประพฤติ ป ฏิบัตินำ นอกธรรมวินัย..........ย่อมเป็นภัย ทำลายพุทธ (ธะ)ศาสนาเอยฯ
๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
*สิ่งอำนวยความสะดวกสบายมีครบครัน เหมือนคฤหาสน์เศรษฐี
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖ อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
อภิณหปัจจเวกขณธรรมสูตร [๔๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการนี้ อันบรรพชิตพึงพิจารณาเนืองๆ
๑๐ ประการเป็นไฉน คือ
บรรพชิตพึงพิจารณาเนืองๆ ว่า เราเป็นผู้มีเพศต่างจากคฤหัสถ์ ๑
บรรพชิตพึงพิจารณาเนืองๆ ว่า การเลี้ยงชีพของเราเนื่องด้วยผู้อื่น ๑
บรรพชิตพึงพิจารณาเนืองๆ ว่า อากัปกิริยาอย่างอื่นอันเราควรทำมีอยู่ ๑
บรรพชิตพึงพิจารณาเนืองๆ ว่า เราย่อมติเตียนตนเองได้โดยศีลหรือไม่ ๑
บรรพชิตพึงพิจารณาเนืองๆ ว่า เพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายผู้เป็นวิญญูชนพิจารณาแล้ว
ติเตียนเราได้โดยศีลหรือไม่ ๑
บรรพชิตพึงพิจารณาเนืองๆ ว่า เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ๑
บรรพชิตพึงพิจารณาเนืองๆ ว่า เราเป็นผู้มีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทของกรรม
มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราจักทำกรรมใด
ดีหรือชั่วก็ตาม เราจักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ๑
บรรพชิตพึงพิจารณาเนืองๆ ว่า วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่ ๑
บรรพชิตพึงพิจารณาเนืองๆ ว่า เราย่อมยินดีในเรือนว่างเปล่าหรือไม่ ๑
บรรพชิตพึงพิจารณาเนืองๆว่า ญาณทัสนะวิเศษอันสามารถกำจัดกิเลส เป็นอริยะ
คือ อุตริมนุสธรรมอันเราได้บรรลุแล้วมีอยู่หรือหนอ ที่เป็นเหตุให้เราผู้อันเพื่อนพรหมจรรย์ถามแล้ว
จักไม่เป็นผู้เก้อเขินในกาลภายหลัง ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการนี้แล อันบรรพชิตพึงพิจารณาเนืองๆ ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น