ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2559

อุปธิค่านิยม : กลอนเปล่า



อุปธิค่านิยม : กลอนเปล่า

    แสงนวลทอง ของสุริโยทัย
แปรผันการหลับใหล จนไร้ซึ่งรสสิเน่หา
ความสว่างย่างผ่านเปลือกตา(ที่ปิดสนิท)
ปลุกสติสัมปชัญญะ คืนกลับมีมาเหมือนเดิม

    เมฆสีเทาเบาบาง แผ่กว้างคลุมพื้นนภดล
เช้าวันนี้จึงวิมล แม้อาจจะมีฝนตอนสายๆ
ลมแผ่วเบาเป่าพัด มิคลาดคลาย
สร้างความเย็นสบาย ให้ฤดูร้อนชื้นอย่างกลืนกลม

    แม้ว่าจะเป็นวันหยุด
ทว่าใจมนุษย์หาหยุดนิ่งไม่
หากแต่ยังดิ้นรน กระเสือกกระสน วนเคลื่อนไหว
เพื่อให้ได้ ซึ่งสิ่งที่ตั้งความปรารถนา

    ความจริงคือ
หัวใจอยากกระหายอยู่เสมอ
ท้นเท้อด้วยแรงผลักดันแห่งตัณหา
คอยขับเคลื่อน ชรริน จินดา(ชรริน=ประดับ)
ในคราบของอัตตา เป็นอาภรณ์

    เมื่อถูกความอยากคอยผลักไส
จิตใจจึงห่างหาย จากสภาวะสันติ
ความไม่รู้ซึ้งถึงสัทธรรมชำนิ
จึงเกิดดำริ ก่ออุปธิค่านิยม(อุปธิ=กิเลส)

    ยกย่องความร่ำรวย-ยศ-ศักดิ์ และอำนาจ
ปรารถนาอยากมีอยากได้ใคร่สะสม
โอ้อวดตัวตน เหนือผู้คนในสังคม
แสดงความคิดโง่งม จิตใจโสมม ออกมา

    ที่แท้เป็นเพียงแค่คนสามัญ
กระเสือกกระสัน ยึดมั่นต่อตัณหา
หลงยึดติดต่อมิจฉาสภาวะ อันเป็นภาพลวงตา
ปราศจากประโยชน์และโฉดฉลคุณค่า
สะท้อนสติปัญญาระดับโลกีย์ฯ
   
๒๐ กันยายน ๒๕๕๙

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น