ผ่านฝนพ้นปี : กลอนเจ็ด
๏ เย็นชื้น คืนนี้
พงพีฉ่ำ..........................ฝนพรำ ตั้งแต่ แลอุษา
ตกจน จวบเที่ยง
เพียงพักพา....................ตกบ่าย อีกครา ก่อนลาไคล
๏ ดวงดาว พราวพร่าง
กลางรัตติ...............ศศิ พิมล นภดลใส(รัตติ=กลางคืน,ศศิ=ดวงจันทร์)
ยิ่งดึก ยิ่งหนาว
ร้าวทรวงใน.......................ต้องใช้ ผ้าห่ม ผะทมนอน
๏ น้ำค้าง ร้างรา
พนาผาก........................ฝนจะ ลาจาก หนาวอยากย้อน
อรุณ
รุ่งสาง หมอก ลางรอน......................สะท้อน สัญญาณ วสันต์เยา(เยา=เบา)
๏ ผ่านไป อีกหนึ่ง
ฤดูฝน.........................อายุ ของคน ยลแก่เข้า
ทรัพย์ สิน-สรรเสริญ
ฯลฯ อย่าเพลินเมา.......ตายไป ใครเล่า เอาติดตัว(ไป)
๏ ประโยชน์ อันใด
ในทุจริต......................ลาภจาก ลากจิต ทำผิดชั่ว
เวรกรรม เท่านั้น
ที่พันพัว...........................สนอง คลองชั่ว ครั่นหัวใจ
๏ ลาภจาก การทำ
กรรมสุจริต....................จะนิด จะน้อย จะด้อยไม่
เสมือน
ภูผา หิมาลัย.................................หาตั้ง สร้างไตร ในหนึ่งวัน(ไตร=ไกร)
๏ ไม่มี ผู้ใด
อดตายดอก...........................หากบอก ตนให้ ใคร่ขยัน
เก็บเล็ก
เก็บน้อย (จาก)ร้อยเป็นพัน..............เป็นหมื่น->แสน->ล้าน บันดาลมี
๏ หน้าหนาว ก้าวใกล้
ในที่สุด....................ชีวิต มนุษย์ ไม่หลุดลี้
ความตาย ท้ายสุด
คือดุษณี........................เข้าสู่ วิถี ชี้ชะตา ฯ
๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น