๏ แล้วจู่ๆ ฝนพรูพรั่ง ตกกลางดึก(ตกไม่นาน)...................(ตื่นเช้ามา)เมฆผนึก มวลพลัง พรางสูรย์ไร้
เช้า-เที่ยง-บ่าย ไร้อาทิตย์ คิดในใจ..........................(คง)ต้องรอไป ถึงวันพรุ่ง รุ่งทิวา(เมฆจึงคลายตัว)
๏ ความโลภ-ร้าย-หลงเห็น ไม่เป็นประโยชน์....................มีแต่โทษ กดดัน สร้างปัญหา
คือบ่อเกิด ของบาปกรรม นำชีวา..............................ประเชิญชะตา ทุกข์โศก วิโยคซอน
๏ ก็สมควร แก่การ สรรค์สติ...........................................ตั้งสมาธิ มีใจ เพียรไถ่ถอน
การปฏิเสธ กิเลสไส ไม่อาวรณ์................................นอกจากไร้ ความเดือดร้อน (ยัง)สุนทรฤดี
๏ ตามสังเกต เจตนา ในอารมณ์.....................................อกุศล กมลข่ม ระดมวิถี
การลดละ ขจัดกิเลส วิเศษมี...................................ยังอุระ ประเสริฐศรี วิโรจน์พราว
๏ เมื่อความโลภ-ร้าย-หลง คง(อยู่)เบาบาง......................หฤทัย ใสกระจ่าง ดุจกลางหาว
ในคืนที่ เดือนเพ็ญ เด่นสกาว..................................แลดวงดาว เพราไสว ไร้มลทิน
๏ กลางดวงมาน เกิดสันติ เมื่อกิเลส...............................หมดฤทธิ์เดช เหตุผล เพื่อรนดิ้น
(ความ)สงบสันติ์ มั่นคง ทรงดวงจินต์.......................ทุก(สภาพ)ดินฟ้า อากาศ องอาจไกร
๏ เมื่อกิเลส หมดแรง สำแดงฤทธิ์..................................สงบล่วง ดวงจิตราน ตัณหาไร้
บ่อยากมี อยากเป็น (อยาก)ไม่เป็นไป......................อยากอาลัย ในกาม ความว่างมี
๏ ความสงบ เงียบงัน แห่งตัณหา........................................มานโสภา ปรากฏ หมดจดศรี
เมื่อกิเลส ตัณหา ลดละมี........................................ความเศร้าโศก โศกี ก็มิประจัญ
๏ ข่าวโควิด ติดตาม หาทำให้........................................ดวงฤทัย ไร้กิเลส* เคร่งเครียดขัน
(ยัง)ไม่ได้ฉีด วัคซีนบ้าง ก็ช่างมัน............................มิปลุกปั่น ให้หันหุน(หุนหัน) ว้าวุ่นเอยฯ
๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๔
*ในคนทั่วไป เมื่อจิตใจสงบ กิเลสตัณหาก็สงบด้วย
กิเลสตัณหาจึงสงบเป็นการชั่วคราวได้ รับรู้อารมณ์ได้ว่าเป็นอย่างไร
แต่วิธีที่พระพุทธเจ้าสอนให้สาวกทำประจำ คือ การทำอานาปานสติ จนปราศจากนิวรณ์๕.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น