ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ปัจจัยลิขิตชีวิตคน : เรื่องเล่าเคล้าธรรมะ




ปัจจัยลิขิตชีวิตคน : เรื่องเล่าเคล้าธรรมะ

    เกือบ 2 ทุมแล้ว
ขณะที่กำลังจดจ่ออยู่กับรายการถ่ายทอดสด การช่วยเหลือเด็กๆทีมหมูป่าที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนมากว่า 10 วัน
    ฉันก็ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ไม่ทราบจำนวนมาจอดหน้าบ้าน
    ตามมาด้วยเสียงชายหญิงอายุราวๆ 20 ต้นๆทะเลาะกันเอ็ดตะโร ดังเข้ามารบกวนการดูข่าวของฉัน ไม่ได้ใส่ใจจนกระทั่งได้ยินเสียงผู้หญิงร้อง(ไม่ถึงกับตะโกน)ว่า ช่วยเรียกตำรวจด้วย
    ฉันเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายกับเธอ จึงแง้มประตูบ้านเยี่ยมหน้าออกไปดู
    เห็นชายอายุประมาณ 20 ต้นๆ 2 คนท่าทางจะเป็นเจ้าของจักรยานยนต์ 2 คัน กำลังโต้เถียงกับหญิงวัยไล่เลี่ยกันอีก 2 คน โดยที่หญิงคนหนึ่งมีลักษณะเมามาย ถูกประคองไว้โดยหญิงที่ท่าทางจะสนิทสนมกันดี เพราะกำลังช่วยโต้เถียงกับฝ่ายชาย
    ถึงตอนนี้ฉันจับใจความได้ว่า
    ชายคนหนึ่งด่าทอหญิงที่เมามายว่านอกใจเขา ทั้งๆที่คบกันแล้วยังไปนอนกับผู้ชายคนอื่น
    ฝ่ายชายพูดไม่หยุดด้วยอารมณ์อยู่หลายคำ โดยที่ฝ่ายหญิงไม่ค่อยได้ตอบโต้ แค่คำที่เขาเน้นถึง 2 ครั้งคือ เขาไม่ต้องการยาบ้าจากเธอ
    หญิงสาวก็ต่อว่าชายหนุ่มไม่ได้ทำงานเลี้ยงดูเธอ ทำให้เธอต้องพยายามเลี้ยงดูตัวเองทุกวิธี ฯลฯ
    โต้เถียงกันไปมาสักครู่ ฝายหญิงก็บอกให้ฝ่ายชายพาเธอไปส่ง
    ฝ่ายชายแสดงความงุนงง เหมือนยังคุยกันไม่เคลียร์กลับยังต้องมีภาระขับรถไปส่งฝ่ายหญิงอีก จึงใช้อารมณ์ต่อว่าฝ่ายหญิงต่อไป
    ฉันประเมินสถานการณ์แล้ว คิดคงไม่เกิดเหตุร้ายแรงอะไรมากไปกว่าหนวกหู จึงกลับไปดูรายการถ่ายทอดสดต่อ
    เสียงทะเลาะดังต่อไปไม่นาน คลับคล้ายคลับคลาว่าคุยกับเข้าใจแล้ว ทั้งหมดจึงขับรถออกไปพร้อมกันจากหน้าบ้านของฉัน
    เงียบได้สักที

    ปัจจัยปัจจุบันที่กำหนดชีวิตคนเรานั้น หลักๆมี 2 ประการ คือ
      1. การเลือกคบคน 2. การเลือกกิจกรรม

    หากเลือกคนคนดีมีศีลธรรม
    คนดีมีศีลธรรมจะไม่คิดไม่ทำเรื่องชั่วๆ แต่จะคิดและทำเรื่องดีๆ-สุจริตเท่านั้น
ชีวิตของเขาจะวนเวียนอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี มีคุณประโยชน์ ชีวิตจึงมีแต่ความสุขความเจริญและสงบสุข
    ใครคบด้วยก็พลอยได้รับอานิสงส์ ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีมีประโยชน์ ชีวิตเจริญก้าวหน้า มีความสุขสำราญใจ
   
    ต่างกันกับการคบคนชั่ว
    คนชั่วนั่นจะไม่ชอบทำความดี-สุจริต แต่จะชอบทำความชั่ว-ทุจริต-ผิดศีลธรรม ชีวิตจึงวนเวียนอยู่ในสถานที่-สถานการณ์ที่เลวร้ายและอันตราย จิตใจจะประเชิญแต่เรื่องเสื่อมทรามต่ำช้า น่าหวาดกลัวและมืดมน ไม่มีความสุขความเจริญ
    ไม่ต้องสงสัยว่า ใครคบคนชั่วก็ต้องพลอยทำชั่ว-ทุจริต-ผิดศีลธรรม มีส่วนร่วมในสถานทีและสถานการณ์ที่เลวร้ายและอันตรายไปด้วย จิตใจย่อมเสื่อมทรามต่ำช้า หาความสุขความเจริญไม่ได้

    การเลือกทำแต่สิ่งที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม-สุจริต-มีศีลธรรม
    จะนำพาให้ผู้กระทำไปสัมผัสแต่สิ่งดีๆมีประโยชน์ ไม่มีโทษ ไม่มีเรื่องคับแค้นใจ
    ชีวิตจะพบแต่ความสงบสุข แม้จะสมหวังบ้าง-ผิดหวังบ้างตามข้อจำกัดของเงื่อนไขที่ควบคุมไม่ได้ แต่ก็ไม่เดือดร้อนอะไร เพราะไม่ได้ทำชั่ว-ทุจริต-ผิดศีลธรรม
    การคิดอย่างสุจริต-มีศีลธรรมจะทำให้สมองพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ เรียนรู้สิ่งดีๆได้ง่าย มีสติปัญญาแตกฉานเฉลียวฉลาด
    การทำตามครรลองคลองธรรมจะไม่เสี่ยงกับภัยอันตราย ไม่เสื่อมเสีย ไม่ไร้สาระ ไม่เหลวไหล ผู้กระทำจึงได้รับแต่ประโยชน์คืนสนอง
    คนดีมีศีลธรรมจะเข้ามาคบหา ส่วนคนชั่ว-ไม่มีศีลธรมจะหลีกห่างออกไปจากวิถีชีวิต
    ชีวิตจึงมีแต่ความสุขความเจริญก้าวหน้า มีจิตใจมั่นคง-ไม่เดือดร้อนกังวลใจ

    ต่างจากการเลือกไม่ทำตามทำนองคลองธรรม-ทุจริต-ผิดศีลธรรม
    ชีวิตจะหักเหไปสู่เส้นทางแห่งความชั่วร้าย ไม่ประสบกับความเจริญงอกงามในกุศล
    แม้มองดูด้วยสายตา บางคนจะมีหน้าที่การงานและฐานะที่ดีขึ้น แต่สภาพจิตใจจะตกต่ำลงๆชนิดที่คนอื่นสามารถสังเกตได้
    คนไม่ทำตามครรลองคลองธรรม-ทุจริต-ผิดศีลธรรมด้วยกันจะดูออก และพยายามเข้ามาคบหาสมาคมด้วย เข้าทำนอง"ฝนตกขี้้หมูไหล คนจัญไรมาเจอกัน"
    ความคิด-การตัดสินใจจะเป็นไปในทางเสื่อม ไม่สร้างสรรค์ ไม่พัฒนา ซึ่งทำให้โง่เขลาเบาปัญญา จากที่เคยเป็นคนฉลาดก็กลับกลายเป็นคนโง่
    ความสงบสุขจะเลือนหายไปจากหัวใจ มีแต่ความหวาดระแวงว่าจะถูกจับได้ว่าทำผิด จิตใจร้อนรุ่ม-หวาดหวั่น ต้องคอยแก้ตัวไม่ให้ถูกลงโทษจากการกระทำทุจริต
    ชีวิตจึงมีแต่ความเสื่อม-ความทุกข์ ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ

    ในการดำเนินชีวิต
    ไม่จำเป็นว่าจะต้องไปลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเอง จึงจะเกิดการเรียนรู้
    เรื่องเลวๆร้ายๆทั้งหลาย มีคนทำให้ดู-มีตัวอย่างให้เห็นอยู่แล้ว
    โดยเฉพาะสังคมไทยทุกวันนี้ ที่สิ่่งแวดล้อมนับวันจะเสื่อมทรามลงไปเรื่อยๆ คนเลวเพิ่มมากขึ้น กล้าทำสิ่งเลวๆมากขึ้น
    แต่คนดีก็มีอยู่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับเราที่จะเลือกมองหา ถ้าตั้งใจหาก็จะเห็น
    ประเด็นสำคัญคือ เราแยกแยะคนดี-คนเลว ความดี-ความเลว ออกจากกันได้หรือเปล่า?
    ถ้าแยกไม่ออกก็เปล่าประโยชน์ เพราะคนเลวจะไม่เห็นว่าอะไรเลว มีแต่จะเห็นว่าสิ่งเลวๆนั้นคือสิ่งที่ถูกอกถูกใจ

    พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า

      ความดีคนดีทำง่าย ความดีคนชั่วทำยาก,
      ความชั่วคนชั่วทำง่าย ความชั่วอริยบุคคลทำได้ยาก
และ
      กรรมอันไม่ดีและไม่เป็นประโยชน์แก่ตน คนทำง่าย,
      กรรมใดแลเป็นประโยชน์แก่ตนและดี,
      กรรมนั้นแลทำยากอย่างยิ่งฯ

From <http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=22&p=7

๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น