ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559

จุดจบของวิวัฒนาการ : กลอนเปล่า



จุดจบของวิวัฒนาการ : กลอนเปล่า

    คนคือสิ่งมีชีวิต
ที่กล่าวได้ไม่ผิดว่าเป็นสุดยอดวิวัฒนาการ(บนโลก)
จนสามารถคิด-พัฒนาทักษะฝีมือเพื่อสร้างสรรค์ และสร้างปัญหา
เพื่อตอบสนองความปรารถนาของตน

    ความสามารถสร้างสรรค์
อีกนัยหนึ่งนั้นมันมีมากจนเหลือล้น
เกินความจำเป็นต่อชีวิต
เข้าใกล้ความเป็นวิปริตของคน
ที่ใครต่อใครมักใช้คำรน
ว่าตนคือสัตว์ประเสริฐกำเนิดมี

     เกินเลยกว่าเพื่อการอยู่รอด
คนแทรกสอดเข้าค้นหาทรัพยากร-บ่อนทำลายโลกนี้
เอามาตอบสนองความต้องการ
ผลิต-ผลาญทุกอย่างดั่งเสียสติ
ของกิน-ของใช้ถูกเสาะแสวงหา ก่อนจะทิ้งขว้างอย่างไม่ใยดี
อุตสาหกรรมที่ทำให้ใครบางคนมั่งมี
คือกิจกรรมที่ทำลายโลกนี้
อย่างไร้ปราณี อย่างมีหลักการ

    ความภาคภูมิใจในตัวตน
ขณะเดียวกันก็สับสนกับความขาดแคลนแก่นสาร
มีชีวิตเพื่ออะไร?
ไม่มีขอบเขตของความต้องการ
จิตใจที่ไม่อาจหรือไม่อยากควบคุม
สุมความทุกข์มาให้มากมายมหาศาล
ความเห็นแก่ตัว มักเป็นที่มาของการกระทำชั่วช้าสามานย์
แผดผลาญสังคม จนมักจมอยู่ในน้ำตา

    ความสามารถที่คนภาคภูมิใจ
ส่วนใหญ่ถูกใช้เพื่อทำลายโลกา
เพื่อให้คนได้สมในสิ่งที่ปรารถนา
นวัตกรรมทางวัตถุ ที่บรรลุมูลค่าทางเศรษฐกิจ
เป็นต้นเหตุของวิกฤติสิ่งแวดล้อมที่ไร้สาระ
ผลกระทบจากความสูญเสียทางธรรมชาติ
ไม่อาจกระตุ้นคน ให้ลดความดิ้นรนกระสันหา
จุดจบของวิวัฒนาการกำลังคืบใกล้เข้ามา
ขณะที่คนส่วนใหญ่ไม่ประสีประสาที่จะสำนึกเลยฯ

๔ เมษายน ๒๕๕๙

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น