ชั่ว-ดี วิถีทาง : กลอนเปล่า
๏ คนที่คบคนชั่วได้ หาใช่คนดี
คนมีปัญญา
ก็มีปัญหาที่แก้ไม่ไหว
สมบัติที่อยู่คู่อัตตาเป็นนิจ
คือจิตใจ
หากพึ่งตัวเองไม่ได้
ก็อย่าหมายพึ่งใครอื่นเลย
๏ คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิด
คิดว่าการเป็นคนดี
สิต้องคบหา
ทั้งคนดี-คนชั่ว-คนมีศีลธรรม-คนต่ำช้าฯลฯ
แต่พุทธองค์ทรงลั่นวาจา
ว่า "จงบูชาคนที่ควรบูชา
และอย่าคบคนพาล"
๏ ผู้มีปัญญา ก็หาไร้ซึ่งเวรกรรม
บาปสนองให้จองจำ
ผจญกับอุปสรรคขวากหนาม
กระทบกับความทุกข์โศกวิโยคไห้
จนไร้ปัญญาจะฝ่าฟัน
ผู้ฉลาดจึงไม่พึงก่อเวรกรรม์
เบียดเบียนใครทั้งนั้น
ทุกวันคืน
๏ ทำชั่วย่อมได้ชั่ว ทำตัวดีย่อมได้ดี
คนที่กลัวและละอายในบาป
ย่อมกำราบเหตุแห่งทุกข์เข็ญ
คนที่รักและภักดีต่อกุศล
ย่อมอดทนรักษาศีลธรรมบำเพ็ญ
แยกแยะคนชั่วออกจากคนดีจึงมิยากเย็น
สังเกตเห็นได้
ในพฤติกรรมนำพา
๏ คนมักเมามาย ในลาภยศสรรเสริญ
เพลิดเพลินกับปฏิสัมพันธ์
ระหว่างบรรดาญาติมิตรสหาย
คิดว่าเป็นสมบัติส่วนตน
จนแม้กระทั่งร่างกาย
หากแต่เมื่อลมปราณลาญสลาย
จิตวิญญาณออกจากร่างไป
จะเข้าใจว่า
อะไรที่เป็นสมบัติส่วนตัวที่แท้จริง?
๏ เด็กทารกเกิดมา ก็ต้องพึ่งพาพ่อแม่
แต่ด้วยพัฒนาการ
แห่งทักษะ-ความสามารถ-ความรู้ฯลฯสู่สรรพสิ่ง
ทุกเวลา-สถานที่
ไม่อาจมีพ่อแม่ให้พึ่งพิง
ศัตรู-อุปสรรค-ปัญหาสารพัดมีไม่ขาด
จึงมิอาจหยุดนิ่ง
ต้องไม่ทอดทิ้ง หนทางที่จะพึ่งพาตนเอง
๏ วิถีทางที่ดี ย่อมมีแสงสว่าง
แตกต่างจากวิถีชั่ว
ที่มืดมัวอยู่ทุกหัวระแหง
มองดูด้วยจิตใจ
ไม่ใช่แค่ใช้สายตาจึงจะแสดง
ความมีวาสนาของคน
จึงดลใจให้เห็นแจ้ง
มิใช่การกลั่นแกล้ง
จากทวยเทพเทวาฯ
๒๔ เมษายน
๒๕๕๙
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น