ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

อยากได้ลูกชายหรือลูกสาว ? : บทความ



อยากได้ลูกชายหรือลูกสาว ? : บทความ

๏ ผมไม่ได้มีความรู้ด้านสังคมวิทยาอะไรมากมาย
    ที่พอรู้บ้างก็เป็นเพียงประสบการณ์ที่ได้เห็นได้ฟังได้อ่านมาเท่านั้น
    เมื่อเช้าตอนไปจ่ายตลาด ระหว่างรอซื้อกับข้าวก็ได้ยินแม่บ้าน 2 คนคุยกัน
    คนที่แก่กว่าพูดด้วยใบหน้าที่เปี่ยมความสุขว่า ลูกสาวของเธอเพิ่งคลอด ได้ลูกสาวคนที่สอง
    คู่สนทนาก็แสดงความยินดีพร้อมพูดว่า ลูกสาวตัวเองยังไม่ได้ลูกสาวเลย
    คนที่แก่กว่าก็พูดให้กำลังใจและอวยพรขอให้ได้หลานสาวไวๆ
    ทำให้ผมคิดว่า อะไรทำให้คนไทยอยากได้ลูกสาวและดีใจที่ได้ลูกสาวขนาดนั้น ?
    ดูเหมือนลูกชายจะไม่เป็นที่ต้องการเอาเสียเลย(ล้อเล่น)

ผมเป็นคนอีสาน อาศัยอยู่ภาคอีสาน
    ที่เห็นจนเจนตาเจนใจคือ เด็กผู้หญิงจะอ่อนหวาน น่ารัก ว่านอนสอนง่าย ช่วยงานบ้านได้
    ส่วนเด็กผู้ชายจะดื้อ-ซน ไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน มักไม่เอาถ่าน สูบบุหรี่ กินเหล้าและเสียคนเป็นจำนวนมาก
    การเลี้ยงลูกชาย มักมีค่าใช้จ่ายมากกว่าลูกสาว ทั้งค่าอาหาร ค่าการศึกษา 
    และค่าใช้จ่ายจิปาถะโดยเฉพาะค่าเสียหายที่เจ้าลูกตัวแสบไปก่อเรื่องไว้ ฯลฯ
    พอแต่งงาน ฝ่ายชายต้องเสียเงินทองค่าสินสอด แถมต้องเป็นฝ่ายย้ายไปอยู่กับครอบครัวฝ่ายหญิง เป็นกำลังช่วยงานครอบครัวฝ่ายหญิง
    ส่วนลูกสาวโดยเฉพาะคนสุดท้อง จะถูกคาดหวังให้อยู่ดูแลพ่อแม่จนแก่จนเฒ่า คอยผลิตสมาชิกให้แก่ครอบครัว
    เรียกว่า พอคนไทยมีลูกสาว ก็เริ่มฝันเห็นกำไรอันงดงามในอนาคตกันเลยทีเดียว
    คนไทยจึงถือว่าการมีลูกสาวหลายคนเป็นความโชคดี
    กลับกัน พอมีลูกชายก็จินตนาการเห็นแต่เรื่องขาดทุน มีแต่เสียกับเสีย(ใส่ไฟเล็กน้อย)
    แต่ผมก็เคยได้ยินคนแก่พูดว่า มีลูกสาวเหมือนมีไหปลาร้าตั้งอยู่หน้าบ้าน
    (ปลาร้ามีกลิ่นแรง รสชาติอร่อยสำหรับคนอีสานส่วนใหญ่)
    (ความหมายคือ ใครมีลูกสาวจะเป็นที่กล่าวขานข้ามหมู่บ้าน ข้ามตำบล ข้ามอำเภอกันขนาดนั้น และจะดึงดูดผู้ชายให้มาหาถึงบ้าน)
    ก็มีหลายครั้งเหมือนที่ได้ยินว่า มีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน
    (คงหมายถึงความประพฤติที่เสื่อมเสีย โดยเฉพาะปัจจุบันเด็กผู้หญิงกลับชอบเป็นฝ่ายเที่ยวไปหาผู้ชาย)

ต่างจากคนจีน
    ที่อยากได้ลูกชาย ไม่อยากได้ลูกสาว
    ใครยังไม่ได้ลูกชาย จะพยายามมีลูกไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้ลูกชาย(มีขีดจำกัดอยู่)
    ใครได้ลูกชายแล้วก็อยากได้อีกหลายๆคน
    เพราะคนจีนให้ความสำคัญกับการสืบทอดวงศ์สกุลโดยลูกชาย
    เด็กผู้ชายชาวจีนจะถูกคาดหวังจากพ่อแม่ญาติพี่น้องทุกด้าน ทั้งความสำเร็จ ความร่ำรวย เกียรติยศ ชื่อเสียง
    ลูกชายจะเป็นผู้ดูแลพ่อแม่ยามแก่ชรา และเป็นผู้ทำพลีกรรมให้แก่พ่อแม่ที่ล่วงลับไปแล้ว
    ลูกชายคนโตมักจะได้รับการสืบทอดกิจการต่อจากพ่อ แต่คนจีนมักจะสร้างกิจการให้แก่ลูกชายทุกคน
    พอแต่งงาน แม้ฝ่ายชายจะต้องเสียค่าสินสอด และฝ่ายหญิงจะต้องมาอยู่บ้านฝ่ายชาย
    แต่โดยประเพณีนิยม พ่อแม่ฝ่ายหญิงจะมอบค่าสินสอดที่ได้จากฝ่ายชายให้ลูกสาวและเพิ่มเงินทองสมบัติแถมมาให้อีก นัยว่า เป็นเครื่องบรรณาการครอบครัวฝ่ายชาย ให้เมตตา รักและเอ็นดูลูกสาวตนเองด้วย และแสดงถึงความมีฐานะของฝ่ายหญิง
    ในกรณีที่คู่สมรสไปสร้างครอบครัวใหม่ การยกเงินสินสอดและแถมทรัพย์สินแก่ลูกสาว เท่ากับเป็นการให้ทุนเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
    ทำให้คนจีนพอมีลูกชาย-หลานชาย ก็ดีอกดีใจฉลองกันเป็นการใหญ่ ยิ่งกว่าถูกรางวัล
    ผมเคยได้ฟังคำพูดจากปากผู้เฒ่าชาวจีนว่า ลูกสาวที่แต่งงานไป " เป็นของคนอื่น " คำๆนี้ สะท้อนอะไรได้หลายอย่าง
    กรณีที่คนไทยแต่งงานกับคนจีน
    ถ้าผู้ชายไทยแต่งกับผู้หญิงจีน เท่าที่ผมเคยเห็นมักจะราบรื่นดี
    แต่ถ้าผู้ชายจีนแต่งกับผู้หญิงไทย เห็นมีหลายกรณีที่เกิดความขัดแย้งขัดเคืองใจ ในหมู่ญาติที่ต่างยึดธรรมเนียมปฏิบัติของฝ่ายตนซึ่งแตกต่างจากอีกฝ่าย
    คือ พ่อแม่ฝ่ายหญิงจะเก็บค่าสินสอดไว้เอง  ฝ่ายชายก็มองว่านี่เป็นการขายลูกสาว(คนจีนไม่มีความคิดว่าค่าสินสอดคือค่าเลี้ยงดูลูกสาวอย่างที่คนไทยชอบอ้างกัน) แถมจะเอาลูกชายของเขาไปด้วย เป็นการเอาเปรียบกันชัดๆ
๏ ส่วนคนอินเดีย
    การมีลูกชายคือ เปรียบปานเทพทรงประทานของมีค่าจากสวรรค์มาให้
    เพราะคนอินเดีย ให้ความสำคัญกับการสืบทอดวงศ์สกุลเหนือสิ่งอื่นใด
    ทรัพย์สมบัติ เกียรติยศ ชื่อเสียง อำนาจ ล้วนหามาได้โดยผู้ชาย เป็นของผู้ชาย
    ส่วนผู้หญิง เป็นได้แค่คนช่วยดูแลงานบ้านงานเรือน เลี้ยงเด็ก
    พอแต่งงาน ฝ่ายหญิงก็ต้องเสียเงินทองค่าสินสอดให้ฝ่ายชาย และย้ายไปอยู่กับครอบครัวฝ่ายชาย ช่วยงานบ้านงานเรือน เป็นแรงงานรับใช้ครอบครัวฝ่ายชายด้วย
    มีข่าวน่าเศร้าในประเทศอินเดียให้เห็นเรื่อยๆ เรื่องที่พ่อแม่และสามี ทำร้ายลูกสะใภ้จนพิการ/เสียชีวิต เพราะไม่ได้ค่าสินสอดตามที่ต้องการ
    ผมไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับคนอินเดียแต่งงานกับคนไทย
    แต่คิดว่าถ้าจะมีปัญหาก็คงเป็นกรณีที่ผู้ชายอินเดียแต่งกับผู้หญิงไทย เพราะต่างฝ่ายต่างจะเอาสินสอดจากอีกฝ่าย

หลายๆประเทศในเอเชีย จะไม่นิยมส่งเสริมให้ลูกสาวได้ศึกษาเล่าเรียน หรือลงทุนกับลูกสาว
    เพราะแต่งงานไปก็ต้องย้ายไปอยู่กับครอบครัวฝ่ายชาย เป็นแม่บ้าน เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน เป็นแรงงานให้ครอบครัวฝ่ายชาย
๏ คนฝรั่งตะวันตก
    ลูกๆพอโตขึ้นต้องออกจากบ้านพ่อแม่ ไปสร้างหลักปักฐาน สร้างฐานะของตัวเอง
    ผู้ชาย-ผู้หญิงไม่ค่อยมีการแตกต่างด้านอาชีพ หน้าที่ กิจกรรมกันมากนัก
    เรื่องการแต่งงานไม่มีประเพณีนิยมอะไรสำคัญมากไปกว่า ฝ่ายชายให้แหวนเพชรแก่ฝ่ายหญิง
 และทำพิธีแต่งงานกันในโบสถ์
     ทำให้คนฝรั่งตะวันตก ไม่ค่อยยึดติดเรื่องการมีลูกชายหรือลูกสาว
     ถึงจะพอมีความโน้มเอียงที่คุณแม่ๆอยากมีลูกสาว และคุณพ่ออยากได้ลูกชายอยู่บ้างก็ตาม
  
๏ ว่ากันตามความเป็นจริง
     ความแตกต่างของการมีลูกชาย-ลูกสาว เกิดจากวัฒนธรรมประเพณีที่คนสร้างขึ้น มากกว่าเหตุผลทางกายภาพ
     ค่านิยมเช่นนี้เปลี่ยนแปลงได้ เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้วตามการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนนอกสังคมเกษตร และในหมู่ชนที่ได้รับการศึกษาที่สูงขึ้น
     ความยึดติดกับการอยากมีลูกชาย-ลูกสาว จะไม่ยั่งยืนอยู่คู่กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ตลอดกาลนานอย่างแน่นอนฯ

๒๔ กันยายน ๒๕๕๗

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น