ศรัทธาชีวิต : กลอนเปล่า
๏ ฝนฟ้า...เริ่มจะมาตกหนักเอา
ณ
ตอนรุ่งเช้าของวันเข้าพรรษา
โดยไม่ปรารมภ์
ต่อเสียงโอ้โลมของสกุณา
สุริยาหายหน้าเห็น
เร้นไร้ไม่สาทร(สาทร=เอื้อเฟื้อ)
๏ ปโยชนม์ล้นฟ้า...จรดขอบฟ้า
สุดสายตา...ปรากฏเป็นเมฆาสีเทา
ดูเศร้าซ่อน
หยาดฝนหล่นริน
จนกลบสิ้นดินดอน
เป็นประหนึ่งธาราสาคร
สรสาคเรศ(สาคเรศ=แม่น้ำ)
๏ เมื่อสายฝนหนักเข้า
สกุณาเล่า ต่างพากันสงบเสียง
เหลือเพียงเรียงพิรุณ
สุนทรียเดช
ขับกล่อมบรรเลง
บทเพลงแห่งปรเมษฐ์(ปรเมษฐ์=พระพรหม)
ที่สร้างและหล่อเลี้ยงชีวี ในโลกีย์นิเวศน์
ทั้งมวล...
๏ ไพบูลย์พิสุทธิ์อุตส่าห์
แม้ล่วงสู่เพลาสาย
มิหายหวน
ฝนยังคงร่ำ
ฟ้ายังคงคร่ำครวญ
ลมยังคงผวน
รัญจวนพิรี้พิไร
๏ โดยไม่ใส่ใจ ในอุปสรรค
กรรมาชนคงอดทนทำงานหนักกันขวักไขว่
เพื่อเลี้ยงชีพของตน ด้วยผลต่างของการย์ไกร
เพื่อเลี้ยงชีพของตน ด้วยผลต่างของการย์ไกร
เหน็ดเหนื่อยลำบากยากแค่ไหน
ยังสู้ทน
๏ หากไร้ซึ่งศรัทธา
ต่อชีวานฤมิต(นฤมิต=สร้าง,ทำ)
คงไร้คนผู้สู้อุทิศจิตใจ
ในท่ามกลางความขัดสน
อันไร้เมตตาของโลกาสัจสากล
เพื่อสรรสร้างผลิตผล
ให้ผู้คนบนโลกได้ใช้-กิน
๏ ผองชีวี จงมีศรัทธาเถิด
เมื่อเราได้เกิด
ย่อมประเสริฐเสมอกันไปไม่รู้สิ้น
ไม่มีใครสูงค่าเคียงฟ้า
ไม่มีใครต่ำค่าเพียงดิน
ก็เมื่อทั้งดิน
ฟ้าและชีวิน
ล้วนเป็นส่วนประกอบหนึ่ง
ของธรรมชาติเดียวกัน ฯ
๒๔ กรกฎาคม
๒๕๕๖
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น