๏ วิหคคล้อง ร้องคลอ รอตะวัน(ขึ้น)........................หลังคืนอัน เหน็บหนาว คราวชื้นฝน
โพยมยัง ลางเลือน เหมือนมืดมน.......................เมฆีดล หม่นหมอง จองนภา
๏ แมวถูกช่วย อวยชัย ไคลหมาหมู่.........................กลับซุ่มสู่ จู่โจม โถม(จับ)ปักษา
ช่วยนกรอด ปลอดแมว แคล้วมรณา....................นก(กลับ)ไล่ล่า หาแมลง แกร่งหากิน
๏ นึกงุนงง (ทำ)ตรงไหน ที่ได้บูญ?........................หรือกลับหนุน บุญสาบ สร้างบาปสิ้น?
ก่อกรรมหนึ่ง คะนึง(ต่อ)เนื่อง ขัดเคืองจินต์..........มิง่ายดาย คล้ายถวิล เฉกวิญญู
๏ ปรุงอาหาร ปันยา รักษาโรค...............................ก่อนบริโภค สุขเกษม เด็มอกรู้(รู้เต็มอก..ปาณาติบาต)
ถึงพุทธะ อรหันต์ ยังพันตู..................................ปวงบาปกรรม เพื่อค้ำชู คู่ชีวี
๏ ใครสามารถ ขจัดบาป กรรมสาบไส?...................โดยที่ไร้ ได้กรรมเวร(พ่วงมาด้วย) เป็นสุขี
คนรักษา ศีล(คน)ใด ไร้ราคี?.............................ไม่เคยมี ข้อบกพร่อง คับข้องใจ
๏ วิธีทำ กรรมดี ที่บริบูรณ์......................................สะอาดสูญ สถุลทวี มีหรือไม่?
(ดู)เหมือนว่าจะ ก่อกรรม ทำอะไร.......................ต้องเป็นเหตุ ปัจจัย ในอธรรม(ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง)
๏ คงขัดสน คนดี ที่(ศีล)บริสุทธิ์.............................เพราะโลกา ประดุจ อัมพุทค้ำ(อัมพุท=เมฆ)
แผ่บดบัง รังค์สูรย์เห็น เป็นประจำ.......................มวล(เมฆ)มืดดำ พรำพร่า ฝนฟ้าคะนอง
๏ หลากสัจจ์สิ่ง จริง-แสร้ง แอบแฝงเร้น.................อะไรเป็น (ความ)ดี-ทราม ความผิด-(ถูก)ต้องฯลฯ?
ข้อพิสูจน์ ดุจวิทยาศาสตร์ ปราศครรลอง.............คนทั้งผอง (จึง)สนองตาม อำเภอใจฯ*
๙ พฤษภาคม ๒๕๖๔
*คนส่วนใหญ่ในโลก ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญ กฎแห่งกรรม
จึงไม่ใยดีในความเป็นคนมีศีลธรรม ไม่ว่าของตนหรือของคนอื่น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น