๏ ทำงาน พันตู อยู่กลางแจ้ง................................................ท่ามกลางแสง อาทิตย์ ที่อิดหนา
พร้อมฤดี มีสติ พิจารณา...................................................วิมังสา* ประกอบ รอบคอบไกร
๏ มองดูความ เคลื่อนย้าย (ของ)เงาชายคา............................(มอง)เห็นความเร็ว ของเวลา ว่า(เร็ว)แค่ไหน?
เร็วเสียจน มนฤดี ที่ว่าไว..................................................ยังตระหนก ตกใจ ตามไม่ทัน(คิดไม่ถึง)**
๏ สังขารอิง สิ่งบันเทิง เริงรื่นแส่...........................................ถึงจิตใจ ไม่ทันแก่ (สังขาร)ก็อาสัญ
คนปรานโปรด ความโฉดเขลา หลงเมามัน.....................หฤหรรษ์ ฝันใฝ่ ไม่เคยพอ***
๏ อายุขัย ใช้ไป อย่างไร้ค่า.................................................อกุศล กรรมา ตั้งตาก่อ
หลากเรื่องไร้ สาระ คิดบ้าบอ........................................ทุ่มเททรัพย์ จับจ่อ บ่เสียดาย
๏ บ้างกว่าจะ รู้ตน ล้นสำนึก.................................................เพิ่งรู้สึก ต้องแก้(ไข) แลก็สาย(เสียแล้ว)
แก่ชรา เจ็บไข้ ไม่สบาย...............................................รอถึงกาล วันตาย กรายมาเยือน
๏ วันนี้ ยังมีแรง ควรแข็งขัน...................................................มุ่งมั่น อุตสาหะ อย่าให้เหมือน
คนที่ไร้ สาระ ชีวะเลือน...............................................ฉกาจเกลื่อน กิจกรรม ทรามปัญญา
๏ (คน)อยู่-กิน-ใช้ (โดย)ทำลายทรัพย์ จากธรรมชาติ................ที่(แทบ)ไม่อาจ หวนคืน ผืนดิน-ฟ้า
ธรรมชาติ เสียหาย เพื่อให้นรา......................................ที่ไร้ค่า ลางคน ชนม์ชีพยัง
๏ คุณค่า ธรรมชาติที่ มิอาจนับ...............................................แลกกับ คนอัปรีย์ ไม่มีหวัง
อยู่ไป ก็ไร้ประโยชน์ ปรากฏดัง.....................................คุมขัง นักโทษต่อ รอวันตาย(รอประหาร)ฯ
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔
*พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
[213] อิทธิบาท 4 (คุณเครื่องให้ถึงความสำเร็จ, คุณธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จแห่งผลที่มุ่งหมาย ) 1. ฉันทะ (ความพอใจ คือ ความต้องการที่จะทำ ใฝ่ใจรักจะทำสิ่งนั้นอยู่เสมอ และปรารถนาจะทำให้ได้ผลดียิ่งๆ ขึ้นไป) 2. วิริยะ (ความเพียร คือ ขยันหมั่นประกอบสิ่งนั้นด้วยความพยายาม เข้มแข็ง อดทน เอาธุระไม่ท้อถอย) 3. จิตตะ (ความคิด คือ ตั้งจิตรับรู้ในสิ่งที่ทำและสิ่งนั้นด้วยความคิด เอาจิตฝักใฝ่ไม่ปล่อยใจให้ฟุ้งซ่านเลื่อนลอยไป) 4. วิมังสา (ความไตร่ตรอง หรือ ทดลอง คือ หมั่นใช้ปัญญาพิจารณาใคร่ครวญตรวจตราหาเหตุผลและตรวจสอบข้อยิ่งหย่อนในสิ่งที่ทำนั้น มีการวางแผน วัดผล คิดค้นวิธีแก้ไขปรับปรุง เป็นต้น) |
** โลกเราหมุนไปรอบดวงอาทิตย์ ในขณะที่ดวงอาทิตย์พาโลกหมุนไปรอบกาแล็กซี กาแล็กซีก็เคลื่อนที่ไปในเอกภพ ทุกวินาทีเราจึงไม่ได้อยู่ที่เดิม และไม่เคยกลับมาที่เดิม
เวลา 24 ชั่วโมง(1 วัน) เป็นเวลาคร่าวๆที่โลกหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ (แต่ละวันเร็ว-ช้าไม่เท่ากัน)
ที่เส้นศูนย์สูตร โลกหมุนด้วยความเร็วประมาณ 40,200 หารด้วย 24 = 1,675 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
*** พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕
มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์เราเห็นมนุษย์ทั้งหลายในโลก ที่เป็นผู้มีทรัพย์ ได้ทรัพย์แล้วย่อมไม่ให้เพราะความหลง
โลภแล้วย่อมทำการสั่งสมทรัพย์ และยังปรารถนากามทั้งหลายยิ่งขึ้นไป
พระราชาทรงแผ่อำนาจชำนะตลอดแผ่นดิน ทรงครอบครองแผ่นดินมีสาครเป็นที่สุด
มิได้ทรงรู้จักอิ่มเพียงฝั่งสมุทรข้างหนึ่ง ยังทรงปรารถนาฝั่งสมุทรข้างโน้นอีก
พระราชาและมนุษย์เหล่าอื่นเป็นอันมาก ยังไม่สิ้น ความทะเยอทะยาน
ย่อมเข้าถึงความตาย เป็นผู้พร่องอยู่ ละร่างกาย ไปแท้
ความอิ่มด้วยกามย่อมไม่มีในโลกเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น