ผู้มีปัญญาย่อมตามรักษาจิต : กาพย์ฉบัง๑๖
๏ ไพรพนัสหากปราศลม-ฝน.......................ย่อมมิอาจดล
เสียงเพลงพิมลระคนครวญ
๏ ราษตรีมีพายุผวน......................พฤกษาคณาชวน-
กันสรวลเสเห่ร้องรับ
๏
ฟ้าคะนองก้องกังวาลสรรพ......................ส่งเสียงเคียงขยับ
จับจิตจับใจรับสายฝน
๏
ผู้มีปกติฤดีดล.....................จินดาอกุศล
(คือจุด)เริ่มต้นมลทินอาจิณหมาย
๏
ก่อกรรมทำบาปมิอับอาย.....................เมามัว(ความ)ชั่วร้าย
มืดมนมองเห็นเร้นไร้ผล(ชั่ว)
๏
ส่วนผู้มีฤดีพิมล....................พรั่งพรูกุศล
ย่อมยลยึด(ความ)ดีพิสุทธิ์กรรม
๏
จงดูแลใจให้เลิศล้ำ.....................เมินชั่วมั่วระยำ
คำนึงถึงวิถีอดิศัย(อดิศัย=เลิศ,ประเสริฐ)
๏
นักปราชญ์ย่อมตามรักษาใจ.....................มิยอมปล่อยให้
เถลไถลนอกลู่นอกทาง
๏
(เมื่อ)คิดดีย่อมมี(เหมือน)แสงสว่าง.....................ส่องธรรมนำทาง
ขจ่างแจ่มใสในเหตุ-ผล
๏ หลีกเลี่ยงเสี่ยงภัยในบาป
รน......................สละอกุศล
หวังพ้นราคีถึงที่สุด
๏
(หลัง)สิ้นอายุขัยในมนุษย์.......................ประเสริฐเกิดผุด
สวรรค์-วิมุตติฯลฯอุตส่าห์เทอญฯ
๑๑ กันยายน ๒๕๖๒
*...การฝึกฝนจิตที่ข่มได้ยาก อันเร็ว มีปรกติตกไปในอารมณ์ อันบุคคลพึงใคร่อย่างไร
เป็นความดี
เพราะว่าจิตที่บุคคลฝึกดีแล้วนำสุขมาให้
นักปราชญ์พึงรักษาจิตที่เห็นได้แสนยาก ละเอียดอ่อนมีปกติตกไปตามความใคร่
เพราะว่าจิตที่บุคคลคุ้มครองแล้วนำสุขมาให้
ชนเหล่าใดจักสำรวมจิตอันไปในที่ไกล ดวงเดียวเที่ยวไป
หาสรีระมิได้ มีถ้ำเป็นที่อยู่อาศัย
ชนเหล่านั้นจะพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร
ปัญญาย่อมไม่บริบูรณ์แก่บุคคลผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น
ไม่รู้แจ่มแจ้งซึ่งพระสัทธรรม มีความเลื่อมใสอันเลื่อนลอย...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น