ความจริงของโลก : กลอนเปล่า
๏ ธรณี....มีอายุยืนยาว
ส่วนชีวิตคนเรา....อายุสั้น
เพียงไม่กี่ปี ก็มีอัน
มรณาจาบัลย์ สิ้นสัญญี
๏ ธรณี....มีความมั่นคง
ส่วนจิตใจสัตว์ไหลหลง
พะวงกับการสร้างความกระหาย
คำนึงถึง แต่อัตตา
มินำพา ว่าบั้นปลาย
วันหนึ่ง พึงต้องตาย
ไม่มีอะไร เอาไปได้เลย
๏ เบียดเบียนกันและกัน ปานปกติ
ไม่มีมโนสำนึก
ตรองตรึกเห็น
อยู่ร่วมกันอย่างไร
ให้ร่มเย็น
ความเคียดแค้นเคืองเข็ญ
เช่นเรื่องธรรมดา
๏ สัตว์ทั้งหลาย ต่างฝ่ายต่างเป็นศัตรู
อันตรายหลั่งพรั่งพรู
แย่งชิง-ต่อสู้ อยู่เสมอ
แต่คนเราแตกต่าง
ค่อนข้างร้างสัตว์ศัตรู
คนกับคน วนเวียนสู่
ความเป็นศัตรูผู้อันตราย
๏ ทักษะการหลอกลวง
เกิดมาพร้อมดวงกมลคนส่วนใหญ่
เล่ห์ฉล กลอุบาย
มีมากมายนับไม่ถ้วน
คนคือสัตว์สังคม
แต่เป็นสังคม
ที่อุดมความฉลเฉเพทุบาย
หลากล้นคนกมลร้าย
มุ่งทำลายซึ่งกันและกัน
๏ เป้าหมายของชีวี
ตั้งอยู่บนโลกียวิสัย
ทุ่มเทความคิด-จิตใจ
ทำทุกอย่างให้ได้ดั่งใจประสงค์
หลักการของความดี
มักไม่มีความเที่ยงตรง
ในหัวใจของผู้ไม่จำนง
ธำรงไว้ซึ่งศีลธรรม
๏ จงเอาความถูกต้องนำหน้า
ทิ้งอัตตาไว้เบื้องหลัง
ถือศีลธรรมเป็นกำบัง
ความหวังคือพลังพรั่งกายใจ
ชีวีนี้แสนสั้น
คืนวันอย่าเมามันฝันใฝ่
ทำแต่เรื่องเหลวไหล
ไร้สาระ ไร้ค่าคุณ
๏ ธรณีนี้จะยังคงอยู่ต่อไป
หลังจากคนบรรลัยพันธุ์วายสูญ
วัฏจักรของจักรวาล
เกิด-ดับ ไปกับกาล
ยาวนาน อสงไขย
ในความไร้ขอบเขตที่มืดมิด
มีชีวิตอยู่เท่าไร?
มีความสำคัญอันใด?
ต่อความเป็นไปในจักรวาลฯ
๒๓ กันยายน ๒๕๖๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น