มโนธรรมสำนึกในมนุษย์
: กลอนเปล่า
๏ เคยเชื่อตลอดมาว่ามนุษย์
มีมโนธรรมสำนึกที่จะทำสิ่งที่ดีที่สุด
ด้วยจินตนาการอันเรืองรองผ่องผุด
ประดุจดอกไม้ที่ใคร่เบ่งบาน
๏ หากแต่นับวันนับการณ์ที่ผ่านพบ
ประสบกับเหตุ-ผล
อันสับสนอลหม่าน
ในระดับโลก ประเทศ
ภูมิภาค และแม้แต่ในบ้าน
จึงประจักษ์กับหลักฐานว่าสิ่งที่เชื่อนั้น
หาได้มีอยู่จริง
๏
สิ่งของเครื่องใช้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อการค้าหากำไร
หลายสิ่งมากมายมุ่งหมายทำลายชีวีหน
เพียรผลาญสิ่งแวดล้อม
เพื่อห้อมหาวัตถุดิบ
เพิ่มการผลิต ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าสุดท้ายจะให้มลพิษ
ก่อวิกฤติแก่สรรพชีวิตและโลกา
๏ นโยบายรัฐทั่วโลกในการจัดสรรทรัพยากร
มิได้สะท้อนอุดมการณ์อันสูงค่า
ผลประโยชน์ของกลุ่มทุนและผู้หนุนหลังยังคงนำมา
เป็นหลักพินิจพิจารณา
นโยบายทั้งหลาย
คล้ายเป็นแค่เครื่องมือแสวงหา
ผลประโยชน์ส่วนรวมถ่ายเทมา
เป็นของส่วนตน
๏ กระบวนการยุติธรรม
เปรียบได้ดั่งกระบวนการสร้างภาพ
มนุษยธรรม
ถูกใช้สำหรับเป็นข้ออ้าง เพื่อตั้งตัวเองเป็นผู้ประเสริฐเลิศล้น
การศึกษา
มุ่งหาแรงงานป้อนอุตสาหกรรม อย่างยอมจำนน
ล้วนทำลายมโนธรรมสำนึกในใจคน
ให้เสื่อมสูญ มืดมน
อนธการ
๏ คนธรรมดาสามัญ จะทำตามความอยาก
อยากได้ อยากมี
อยากเป็น อยากไม่ให้เป็น คือพื้นฐาน
เมื่อปราศจากซึ่งความอยาก
กลับรู้สึกอ้างว้าง ระคนรำคาญ
ความอยาก
จึงเปรียบเสมือนเป็นพลังงาน
ผลักดันความเคลื่อนไหวให้ชีวิต
ผลักดันความเคลื่อนไหวให้ชีวิต
๏ เพราะมีกิเลสตัณหามาเกี่ยวข้อง
ครรลองของความดี
ความถูกต้อง
จึงบกพร่อง บิดเบือน
เบี่ยงเบน และไม่สุจริต
กระบวนการตัดสินใจ
การใช้ดุลยพินิจ
จึงเกิดพลาดผิด
ทุจริตผิดครรลองคลองธรรม
๏
ผู้มุ่งหมายจะไปให้ถึงซึ่งจุดหมายปลายทางแห่งความดีงาม
ต้องการบรรลุสู่ความประเสริฐเลิศล้ำ
จึงต้องเอาใจใส่ในการกำจัดกิเลสตัณหา
ลดละชำระล้างธุลี
ให้พ้นไปจากฤดีเป็นประจำ
อย่าปล่อยกิเลสตัณหาให้เข้ามาครอบงำ
ความคิด การตัดสินใจ ย่อมบริสุทธิ์สดใสสวยงาม
ความคิด การตัดสินใจ ย่อมบริสุทธิ์สดใสสวยงาม
ประดุจมีแสงสว่างส่องทางกระจ่างจินต์
ฯ
๑ สิงหาคม ๒๕๕๙
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น