อย่ามองโลกแต่ด้านดี : กลอนหก
๏ ความเย็นชื่น
ชวนรื่นรมย์..................แต่มิสม กับหน้าหนาว
ที่บางครา
เมฆาคราว..........................ครองห้วงหาว ราวฝนตรียม
๏ สังคมคน
ก็สนสับ...........................ความสับปลับ สำทับเปี่ยม
เรื่องเป็นจริง-สิ่งทำเทียม.....................ดี-โหดเหี้ยม-เยี่ยมกระมลฯลฯ
๏ นับนานวัน
ยิ่งบรรลุ.........................ใจที่คุ อกุศล
กองกิเลส
เหตุกรรมกล.......................ก่อผลิตผล บาปมลทิน
๏ คอยเห็นแต่
แก่ตัวเอง......................ประโยชน์เพ่ง เป็นนิจสิน
ปราศเมตตา
จนชาชิน.........................ชีวินเกื้อ เพียงเพื่อ "กู"
๏ โลกจึงเป็น
เช่นปรากฏ.....................สิ่งสลด ชวนหดหู่
ทยอยประดัง
แลพรั่งพรู.......................ปกติอยู่ มิรู้แปลง
๏ จ้องเอาเปรียบ
เหยียบย่ำกัน...............ความสัมพันธ์ สรรเสแสร้ง
ครวญคิดขบ
ตลบตะแลง......................แอบลอบแทง ข้างหลังคน
๏ มองมุมโลก
แห่งความจริง.................ประเสริฐสิ่ง อิงกุศล
มองดี-ทราม
ความเป็นคน.....................อย่างแยบยล และเที่ยงตรง
๏ อย่ามองโลก
แต่ด้านดี......................พาชีวี พลีลุ่มหลง
เปรียบมรรคา
เข้าป่าดง.........................ทุกขาคง หยั่งยงเอยฯ
๒ มกราคม ๒๕๖๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น