สุกไหม้-ใสสุข : กลอนแปด
๏ ลมระชวย รวยชื่น
รมย์รื่นจิต...............พิรุณฤทธิ์ พิสมัย ให้คิมหันต์
ช่วยบรรเทา เร่าร้อน
ผ่อนผิวพรรณ..........จากสุริยัน สรรค์โทษ รันทดที
๏ เพียงเดือนเปลี่ยน เวียนฤดู
สู่หน้าร้อน....ตะวันรอน ตอนเย็น เห็นสุกสี
จากหน้าหนาว
(ตะวัน)ดวงน้อย ดูด้อยมี....กลายดวงใหญ่ โสภี รวิวง
๏ เที่ยวค้นหา ความสุข จากทุกแหล่ง.....สู้แสวง
สุขประไพ ใคร่ประสงค์
ตามอย่างโลก ยกย่อง
แซ่ซ้องทรง..........ไม่ตกลง ปลงสุข ถูกฤทัย
๏ โลกย์วิถี ปรีดา
ตัณหาถ่อง.................อยากครอบครอง ปองแส่ แต่ตนไซร้
บริโภค โลกกว้าง
หมดทั้งใบ..................ยังหลงใหล ไม่อิ่ม ปริ่มอุรา
๏ เป็นความสุข คลุกเคล้า
ปนเร่าร้อน.......ผลสะท้อน ซ้อนทัณฑ์ สร้างปัญหา
ต้องคอยขลุก
สุขใหม่-สิ่งใหม่มา..............บรรเทาความ ทุกขา ทุรารมณ์(ทุร+อารมณ์)
๏ สร้างระกำ รำคาญ
มานวิปริต...............สร้างวิกฤติ จิตไข้ ป่วยใจขรม
เป็นสุกร้อน-สุกไหม้
ไส้ระบม...................ระกรอมกรม จมจิต จวบนิทรา
๏ กุศลพร่ำ นำพา
พบแสงสว่าง..............โดยละวาง ตั้งมั่น ล้างตัณหา
เลิกอยากมี-อยากได้-อยากนานา.............เลิกผูกมัด
อัตตา ว่า " ตัวตน "
๏ มิต้องหา มาให้
ได้-มี-เก็บ..................มิต้องแส่ และเสพ (จน)เจ็บ-สับสน
สงบระงับ กับการ
ศานติกมล...................หยุดร้อนรน พ้นบ่วง หน่วงโลกีย์
๏ จึงเกิดเป็น สุกใส
ใจอิสระ..................พ้นพันธะ อุบาทว์ ทาสวิถี
หลุดจากความ
คับ-เข็ญ หลงเป็น-มี..........หลุดชีวี วิการ ทรมานเอย ฯ(วิการ=พิการ)
๑๕ มีนาคม ๒๕๕๘
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น