ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2566

วิถีธรรมชาติคือปรัชญา : กลอนคติสอนใจ







วิถีธรรมชาติคือปรัชญา : กลอนคติสอนใจ


    เพราะมี PM. 2.5.................................................ความร่า เริงใจ พลอยหายหนี

ลำบาก ยากเข็ญ เป็นทุกข์มี...............................สุขภาวะ ที่ดี ทำยังไง?


    ปัญหา ใหญ่ยิ่ง สิ่งแวดล้อม..................................เพรียงพร้อม (ปัญหา)เศรษฐกิจ วิกฤติไฉน

บ่รู้ ว่า(กู)ทำ กรรมอะไร(ไว้)?..............................ถึงได้ ตามสนอง ต้องทัณฑา(ทัณฑ์)

 

    (มีเงิน)อยากซื้อ เสื้อใหม่ ใส่หน้าร้อน.....................ต้องย้อน เป็นทุกข์ เพราะ(กาม)ตัณหา?

ขนาด(size) ต้องพอดี มีอุปาทาน์(ยึดมั่น).............ทำให้ ทุกขา หรือกระไร?


    อยากเป็น คนดี มีวิชา...........................................ตั้งหน้า ตั้งตา ปฏิบัติใฝ่

บ่เห็น เป็นทุกข์ คุกคามใจ...................................(มี)ภว ตัณหาไง ใครว่าไม่ดี?


    ไม่อยาก ติดคุก ติดตะราง.....................................จึงละวาง ทางชั่ว มั่วบัดสี

ร้างเร้น เป็นทุกข์ ไร้คลุกคลี.................................ทั้งๆ ที่มี วิภวะ(ตัณหา)*


    อยากแล้ว ไม่ได้ ดั่งใจอยาก..................................ต่างหาก (ที่)ทำให้ ไร้สุขะ(ไม่ใช่ทุกข์เพราะอยาก)

อภิรมย์ สมใจ (เมื่อ)ได้ชัยชนะ..............................ธรรมะ ไม่ดู ก็รู้ดี

 

    ความจริง บนโลก ตามปกติ....................................หากมิ เกียจคร้าน ปัญญาลี้(โง่เขลา)

ธรรมะ ย่อมจะเห็น เด่นดุษณี.................................(เพราะ)วิถี ธรรมชาติ คือปรัชญา

 

    ควบคุม จิตใจ ให้เป็นกุศล......................................ส่งผล สุคติ มิทุกขา

เมื่อกฎ แห่งกรรม คือธรรมดา(ความจริง).................ศึกษา ให้ปรากฏ เห็นบทเรียนฯ


๙ มีนาคม ๒๕๖๖


*ว่าตามความเป็นจริง ความอยากหรือตัณหาไม่ไช่สาเหตุที่ทำให้เป็นทุกข์โดยตรง

ถ้าความอยากได้รับการตอบสนองก็ทำให้เป็นสุข ถ้าไม่สมอยากก็จะทำให้เป็นทุกข์

ผู้เขียนเข้าใจว่า

ที่พระพุทธเจ้าสอนให้กำจัดความอยาก(ตัณหา) เพราะถ้าอยาก(มีตัณหา)แล้ว จะควบคุมผลลัพธ์ยากหรือควบคุมไม่ได้เลย อาจจะทำให้เป็นสุขหรือทุกข?

แต่เราควบคุมความอยาก(ตัณหา)ได้ ถ้าไม่มีความอยาก(ไม่มีตัณหา)ก็จะไม่มีความทุกข์

แน่นอนว่า จะไม่มีความสุขด้วย

แต่ไม่สำคัญ เพราะพระพุทธเจ้ามองว่า ความสงบเป็นความสุขที่สุด นิพพานเป็นสภาวะที่สงบที่สุด

ศาสนาพุทธยกย่องความสงบไม่ใช่ความสุข.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น