ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2566

บาปเกิดจากการเบียดเบียน(ผู้อื่น) : กลอนคติเตือนใจ


บาปเกิดจากการเบียดเบียน(ผู้อื่น) : กลอนคติเตือนใจ

    ทำคุณ กับใคร คงไม่บาป................................จนตราบ จับขั้ว ชั่วสาไถย

เบียดเบียน เขาจน ท้นทุกข์ใจ..........................ทุกข์กาย ; จะได้รับ กลับทรมาน


    บาปกรรม จึงเกิด ละเมิดก่อ.............................ติดต่อ ส่อสัจ วัฏสงสาร

กฎแห่ง เวรกรรม ตามบันดาล...........................ให้พาน พบทุกข์ คลุกกลับคืน

 

    ความเห็น แก่ตัว คือหัวใจ................................(ก่อ)บาปกรรม์ จัญไร ใจระรื่น

(คิดว่า)เอารัด เอาเปรียบ เหยียบ(ย่ำ)ผู้อื่น-.........ได้ ; ชื่น สุขสม ภิรมย์ฤดี


    (เอารัด)เอาเปรียบ เขาได้ ใครว่าฉลาด?............กฎหมาย (อาจจะ)ไม่อาจ ตัดสินชี้(ลงโทษ)

แต่กฎ แห่งกรรม (จะ)ตามราวี...........................ไม่มี(ทาง) หนีรอด ปลอดภัยพา


    ศีล ๕* เป็นเกราะ ป้องกันใคร-..........................ต่อใคร ไม่ให้ ไป(สร้างบาป)หยาบช้า

หลักใหญ่ ใจความ คือสัมมา**...........................มิปรารถ (ถะ)นา จะเบียดเบียน(ใคร)


    ธรรมคือ หิริ โอตตัปปะ....................................(ช่วย)เอาชนะ อกุศล กมล(อกุศลจิต)เสถียร

ลบล้าง ทางโฉดฉล หลงวนเวียน.......................(ช่วยให้)พากเพียร ประพฤติ ยึดคลองธรรม

 

    ศีลธรรม นำทาง สว่างไสว................................บาปกรรม์ จัญไร มิกรายกล้ำ

แต่สำ คัญใจ (ต้อง)ใคร่ประจำ............................เคารพ หลัก(ศีล)ธรรม ล้ำเลอจินต์(จินต์=คิด)

 

    อย่ายก ยอตน ยลเป็นใหญ่...............................กระทำ ตาม(อำเภอ)ใจ ใฝ่ถวิล

(จะ)พ้นข้อ ครหา ไร้ราคิน..................................(มี)ชีวิน สุขสันตฺิ์ (ตราบ)กาลนานเอยฯ


๑๓ มีนาคม ๒๕๖๖


เบญจศีล (ศีล ๕) 

เป็นหลักธรรมประจำสังคมที่มีมาก่อนพุทธกาลแล้ว ปรากฏในจักกวัตติสูตร[ (บาลี: จกฺกวตฺติสุตฺต) อันกล่าวถึงเรื่องพระเจ้าจักรพรรดิตรัสสอนประชาชนว่า ท่านทั้งหลายต้องไม่ฆ่าสัตว์ (บาลี: ปาโณ น หนฺตพฺโพ), ต้องไม่ถือเอาของที่เขามิได้ให้ (บาลี: อทินฺนํ น อาทาตพฺพํ), ต้องไม่ประพฤติไม่เหมาะสมทางเพศ (บาลี: กาเมสุ มิจฺฉา น จริตพฺพา), ต้องไม่กล่าวเท็จ (บาลี: มุสา น ภาสิตพฺพา) และต้องไม่บริโภคสุรายาเมา (บาลี: มชฺชํ น ปาตพฺพํ) ต่อมา เมื่อมีผู้ประพฤติผิดจากที่พระเจ้าจักรพรรดิสอน จึงมีการลงโทษด้วยวิธีจับแขนไพล่หลังแล้วเอาเชือกเหนียวมัดอย่างมั่นคง โกนผม และประโคมบัณเฑาะว์เสียงกร้าว แห่ประจานไปตามถนนและตรอกซอกซอย พาออกไปทางประตูเมืองทิศใต้ ก่อนประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ

..........

ต่อมาพระโคตมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นและประกาศศาสนาพุทธก็ทรงยอมรับเอาข้อห้ามห้าประการตามจักวัตติสูตรมาสั่งสอนในพุทธศาสนาอย่างแพร่หลาย เรียกว่า "ศีล" บ้าง "สิกขาบท" บ้าง แต่ในทางปฏิบัติหมายถึง เจตนางดเว้นจากการกระทำความชั่วห้าประการข้างต้น ไม่เพียงเท่านี้ ครั้งเสด็จออกบรรพชาก็ทรงถือปฏิบัติตามคุณธรรมนักบวชสี่ประการดังกล่าว โดยทรงขนานชื่อว่า "อกรณียกิจ 4" แปลว่า เรื่องที่นักบวชไม่พึงทำสี่ประการ และทรงนำไปเป็นเกณฑ์บัญญัติพระวินัยอีกด้วย ที่เห็นได้ชัดคือ ปาราชิก 4

...........

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี )


**สัมมา =  โดยชอบ, ดี, ถูกต้อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น