ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2566

เหมือนตาบอดคลำช้าง : กลอนคติธรรม


เหมือนตาบอดคลำช้าง : กลอนคติธรรม


    ตาบอด คลำช้าง............................สำนวน ชวนสร้าง นิสัย

ศึกษา สิ่งใด.................................อย่าใคร่ จงเจาะ เฉพาะส่วน(ใดส่วนเดียว)

(จะ)ขาดตก บกพร่อง.....................(ความ)ถูกต้อง แก่นแท้ แปรปรวน

(เท่ากับ)โฉเก เรรวน......................ไม่มี (ความ)ถี่ถ้วน มวลธรรมา

 

    (ถาม)รู้สึก เวียนหัว.........................(เพราะ)ยึดมั่น เป็นตัว ฉัน-ของฉัน(อัตตาหรือ?)

ปวดหลัง ปวดฟัน...........................หรือเพราะ เกี่ยวพัน กับ(มี)ตัณหา?

ท้องกิ่ว หิวข้าว...............................(เพราะมี)กามฉัน ทะหรือป่าว? ลองเล่ามา

ร้อน-หนาว-โรคาฯลฯ.......................เหตุผล เพราะว่า (เกิด)อุปาทาน?(ความยึดมั่นถือมั่น)


    ทุกข์กาย เกิดจาก...........................มีร่าง(กาย) ต่างหาก ยากแก้ไข

(ก็เพราะ)เกิดมา แล้วไง(ละ)..............จึงได้ (มี)กายร่าง สังขาร

(โลก)ธรรมชาติ ขาดแคลน................ทำให้ ได้แสน ทรมาน(ต้องพยายามเอาชีวิตรอด)

(เกิดแล้ว)แก่-เจ็บ-วายปราณ..............(คือ)พื้นฐาน ชีวิต พิจารณา

 

    ทำให้ ไม่เกิด(อีก)............................มรรคา ประเสริฐ เลิศล้น

ทางหยุด หลุดพ้น..............................(หมด)ทุกข์ท้น ทรมาน ปัญหา

(วงจร)เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย.....................สูญสลาย ได้ผล ดลพลา

สุดสิ้น วัฏฏา......................................สิ้นสุด ทุกขา นานาไคล(พ้นทุกข์สิ้นทุกข์อย่างแท้จริง)

 

    ทุกขา ถ้ามอง(แคบๆ)........................จับจ้อง (เฉพาะ)จิตใจ นัยยะ(แนวจิตวิทยา)

(เท่ากับ)ทอดทิ้ง สาระ........................พุทธะ ธรรมถ้วน ส่วนใหญ่

นิพพาน การดู(ตีความว่า)....................แค่อยู่ (อย่าง)สุขกาย สบายใจ(ในปัจจุบัน)

สงสาร วัฏไซร้....................................คงไร้ ใคร่ครวญ ชวนคะนึงฯ(ไม่สนใจภพชาติ)


๔ มีนาคม ๒๕๖๖


พระไตรปิฏก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค

กฏิคามวรรคที่ ๓
วัชชีสูตรที่ ๑
ว่าด้วยการตรัสรู้และไม่ตรัสรู้อริยสัจ ๔
[๑๖๙๘] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ โกฏิคามในแคว้นวัชชี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้ แทงตลอดอริยสัจ ๔ เราด้วย เธอทั้งหลายด้วย จึงแล่นไป ท่องเที่ยวไปยังสังสารวัฏนี้ตลอด กาลนานอย่างนี้ อริยสัจ ๔ เป็นไฉน? คือ เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้แทงตลอดทุกขอริยสัจ ๑ ทุกขสมุทยอริยสัจ ๑ ทุกขนิโรธอริยสัจ ๑ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ๑ เราด้วย เธอ ทั้งหลายด้วย จึงแล่นไป ท่องเที่ยวไปยังสังสารวัฏนี้ตลอดกาลนานอย่างนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทุกขอริยสัจ เราด้วย เธอทั้งหลายด้วย ตรัสรู้แล้ว แทงตลอดแล้ว ทุกขสมุทยอริยสัจ ... ทุกขนิโรธอริยสัจ ... ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ เราด้วย เธอทั้งหลายด้วย ตรัสรู้แล้ว แทงตลอดแล้ว ตัณหาในภพขาดสูญแล้ว ตัณหาที่จะนำไปสู่ภพสิ้นแล้ว บัดนี้ ภพใหม่ไม่มี พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ ต่อไปอีกว่า [๑๖๙๙] เพราะไม่เห็นอริยสัจ ๔ ตามเป็นจริง เราและเธอทั้งหลายได้ ท่องเที่ยวไปในชาตินั้นๆ ตลอดกาลนาน อริยสัจ ๔ เหล่านี้ เรา และเธอทั้งหลายเห็นแล้ว ตัณหาที่จะนำไปสู่ภพถอนขึ้นได้แล้ว มูล- *แห่งทุกข์ตัดขาดแล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มี.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น