ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2564

จงมีตนเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นที่พึ่ง : กาพย์ยานี๑๑



จงมีตนเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นที่พึ่ง : กาพย์ยานี๑๑

    ลูกค้า มาซื้อของ.......................................มุ่งหมายปอง ต้องการผล(สำเร็จ)

โชคดี สิริมงคล......................................สุขสันติ์ล้น ท้นร่ำรวย


    ซื้อ(ของ)ไป ถวายพระ................................เป็นธุระ ทำพิธี(กรรม)ช่วย

เสริมดวง ลุล่วงทวย...............................สิ่งประสงค์ หลงใหลมี


    ก็เพราะ คนส่วนมาก....................................คิดแค่(มีความ)อยาก ประเสริฐศรี

อยากอยู่ ดีกินดีฯลฯ...............................แต่(คุณธรรม)ความดี มิกระทำ

 

    งานการ คิดคร้านเกียจ.................................กลับกระเดียด อยากรวยร่ำ

ฐานะ พสุต่ำ..........................................แต่ทำตน เช่นคน(มั่ง)มี(พสุ=ทรัพย์, สมบัติ, ความมั่งมี)


    มีความ สามารถน้อย...................................เอาแต่คอย (ให้)คนนั้นคนนี้

รัฐบาล ช่วยฉันที....................................(อยาก)มีกินใช้ ไม่ยากจน

 

    เหมือนคน ที่ล้นเลศ....................................ล้นกิเลส (แต่)ไร้เหตุผล

ไป่ตรอง มองตัวตน.................................(คือ)ต้นเหตุให้ (ชีวิต)ไม่พัฒนา

 

    มิใคร่ ใฝ่(หา)ความรู้....................................อดทนสู้ เพียรศึกษา

มิ มา นะอุตส่าห์......................................ทุ่ม(สติ)ปัญญา หาทำกิน(จะมีเงินได้ยังไง?)


    ไม่รัก การเก็บออม(เงินทอง)........................ฤาพรักพร้อม ล้อมทรัพย์สิน?(มีแต่หนี้สิน)

(หวัง)พึ่งพา(ผู้อื่น) จนชาชิน.....................ชีวินด้อย ต้อยต่ำเอยฯ**


๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๔


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
คิลานสูตร
ว่าด้วยมีตนเป็นเกาะ

[๗๑๑] ดูกรอานนท์ สมัยใด ตถาคตเข้าเจโตสมาธิอันไม่มีนิมิต เพราะไม่กระทำ
ไว้ในใจซึ่งนิมิตทั้งปวง เพราะดับเวทนาบางเหล่าแล้วอยู่ สมัยนั้น กายของตถาคตย่อมผาสุก
เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ จง
มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่เถิด.
             [๗๑๒] ดูกรอานนท์ ก็ภิกษุเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง
คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณา
เห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติกำจัดอภิชฌา และโทมนัสในโลกเสีย
ดูกรอานนท์ ภิกษุเป็นผู้มีตนเป็นเกาะมีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ
มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ อย่างนี้แล.
             [๗๑๓] ดูกรอานนท์ ก็ผู้ใดผู้หนึ่งในบัดนี้ก็ดี ในเวลาที่เราล่วงไปแล้วก็ดี จักเป็น
ผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง
ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง ภิกษุเหล่าใดเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา ภิกษุเหล่านั้นจักเป็นผู้เลิศ.
หมายเหตุผู้เขียน : 
คำว่า " มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง
ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง " เป็นหลักคำสอน 
แต่การนำไปใช้ ต้องเลือกวิธีปฏิบัติให้เหมาะสมตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันไป 
เช่นพระภิกษุสงฆ์ พระพุทธเจ้าจะเน้นย้ำเรื่องทำสติปัฏฐาน๔ เป็นต้น
อย่าอ่านแล้วคิดเพียงผิวเผิน ว่าหลักธรรมนี้เป็นเรื่องของพระสงฆ์ ไม่เกี่ยวกับตัวเอง 
หากใครคิดได้แค่นั้นก็น่าเสียดาย ที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่รู้จักการประยุกต์ใช้ธรรมะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น